เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการถอดถอนนายสุนทร วิลาวัลย์ ออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี ภายหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในประเด็นการบุกรุกป่า เขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ช่วงปี 2545 ว่า สำหรับกรณีนี้ รมว.มหาดไทย สามารถใช้อำนาจถอดถอนนายสุนทร ออกจากตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ได้กรณีนี้ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจดำเนินการถอดถอน ทำได้เพียงชี้แนะว่ามีประเด็นเช่นนี้ ส่วน ป.ป.ช. จะแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีมติเรื่องนี้

“ขอให้สื่อไปตรวจสอบอีกคดีหนึ่งดีกว่าคือ กรณีที่ดินที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเกิดเมื่อปี 55 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่อง และดำเนินการส่งไปที่อัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและมีนายสุนทรร่วมด้วย และที่ดินของนายสุนทรไม่ได้มีเพียงแค่โฉนดเดียวซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามตรวจสอบอยู่ว่าทั้งหมดมีอยู่เท่าไหร่ เพราะเขามีอยู่หลายแปลงรู้สึกว่าจะมี 10 กว่าโฉนด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินของ ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของนายสุนทรโดยเฉพาะการถือโฉนดในบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่กำลังคลี่ดูอยู่” นายนิวัติไชย กล่าว

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับคดีบุกรุกป่ายังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินแสดงว่ามีเจตนาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่กำลังจะหมดอายุความ ต้องแยกกัน เพราะความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย คดีบุกรุกป่ายังคงอยู่ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าวหน่วยงานสามารถไปดำเนินการสอบสวนสามารถฟ้องบุกรุก แผ้วถาง ปรับสภาพพื้นที่ป่าแล้วไปออกที่ดินโดยมิชอบทั้งที่เป็นที่ดินป่าไม้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุก

“อันที่หมดอายุความเฉพาะความผิดกรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด เป็นคนละกรรม แต่ยังมีความผิดอื่นอีกที่สามารถดำเนินการกับนายสุนทรได้ แต่ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่าต้องดูว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดูแลอุทยานแห่งชาติ ในฐานะผู้เสียหายจะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบให้ดำเนินการ และกรณีที่มีโฉนดอื่นๆ อีกหลายฉบับต้องไปแยกดูว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง เพราะอาจไม่ได้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.ทั้งหมด เหมือนบางกรณีที่อยู่ในอำนาจดีเอสไอ” นายนิวัติไชย กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีมาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการแก้ไขใหม่ มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล ระหว่างหลบหนี อายุความต้องสะดุดลงนั้นมาบังคับใช้กับกรณีนายสุนทรได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คดีของนายสุนทร เหตุเกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช. แก้ไขเมื่อปี 2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดลงซึ่งได้มีคำวินิจฉัยของศาลแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณถึงจะใช้ได้เรื่องนี้ศาลมองว่าเป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้น จะใช้ย้อนหลังไม่ได้

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวนายสุนทร นายนิวัติไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่ากำลังติดตามตัวอยู่ เมื่อถามว่าการที่คดีความของนายสุนทรขาดอายุความเช่นนี้ ถือเป็นการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ฟาล์วหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่หรอกเพราะจะต้องมีการพิจารณาเพิกถอนที่ดินอย่างแน่นอน เนื่องจาก ป.ป.ช. ต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน ที่ดินจะได้กลับมาเป็นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แม้ว่าผู้กระทำความผิดบางคนจะหลุดในกรรมนี้ก็ตาม แต่ใครทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น.