เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่สามเหลี่ยมดินแดง (บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ชุมนุมวันนี้ ก็ได้มีการประกาศรวมตัวกันของกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เวลา16.30 น. เป็นต้นไป ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นนั้น สื่อที่อยู่ในพื้นที่ เฝ้าสังเกตการณ์และรายรายงานข่าว ก็ได้เห็นแล้วว่าตำรวจได้มีการจัดกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้กับประชาชนที่เดินทาง อีกทั้งได้มีการประกาศเตือนการรวมกลุ่มในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หรือการกระทำที่สุ่มเสี่ยง หรือการกระทำที่ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองถือว่าเป็นความผิดในกฎหมายหลายบท โดยเฉพาะคืนก่อนหน้านี้ที่มีการเผารถตำรวจ มีการทำลายทรัพย์สินราชการหลายรายการ และที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแต่อย่างใด เดินหน้ารักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนในพื้นที่และพยายามจำกัดวงความเสียหายให้เกิดขึ้นแคบที่สุด

สำหรับแนวคิดในการปฏิบัติในวันนี้นั้น พ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยว่า นำสถานการณ์เป็นตัวตั้ง อยากจะฝากว่าสำหรับกลุ่มคนที่จะออกมาก่อความไม่สงบความเรียบร้อย ตอนนี้ไม่ใช่การออกมาเรียกร้องทางการเมืองแล้ว ออกมายังไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่มาถึงก็โยนวัตถุระเบิดประทัดยักษ์ พลุ ยิงลูกเเก้วลูกหินใส่ตำรวจ ซึ่งตำรวจก็มีเพียงโล่และกระบองและไม่ตอบโต้อะไร แบบนี้ตนมองว่าไม่ใช่การเรียกร้องทางการเมือง มันเป็นการก่อความไม่สงบในบ้านเมือง โดยในการกระทำลักษณะดังกล่าวนั้นผิดกฎหมายหลายบท อย่างน้อยก็ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การทำให้เสียทรัพย์ หรือว่าการวางเพลิงเผา หรือการมั่วสุมเกิน 10 คนขึ้นไป จนก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง

ส่วนเหตุที่มีการเผารถตำรวจไปเมื่อสองคืนก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยว่า ขณะนี้สืบทราบผู้กระทำความผิดได้แล้ว 8 ราย โดยได้รับรายงานจากทาง สน.ดินแดง ว่า มีผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้เข้ามารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหา ได้แก่ ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ มั่วสุมกันเกินกว่า 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็มีหลายข้อหา ปรากฏตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ทั้งนี้ใน 8 รายดังกล่าว มีบางส่วนเป็นเยาวชน ซึ่งคนที่มารายงานตัว 2 ใน 3 ก็เป็นเยาวชน อยากบอกว่าในคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.ดินแดง 1 ปีที่ผ่านมา 255 คดี เกินกว่าครึ่งเกี่ยวข้องกับเยาวชน ดังนั้น ชัดเจนว่าเยาวชนของชาติควรใช้เวลาว่างพัฒนาตนเอง เป็นคนดีของพ่อแม่ ประกอบอาชีพสุจริต การเรียกร้องทางการเมืองมีวิธีทางอื่นอยู่แล้วเช่น ในทางสภา การออกมาก่อเหตุความไม่สงบ มันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ควร

ส่วนสิ่งที่อยากฝากไปตรงๆ คือ ท่านกระทำความผิดในครั้งแรก ตำรวจอดทนอดกลั้น ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เราอาจจะไม่สามารถจับกุมพวกท่านได้ในทันที แต่ไม่เกิน 2-3 วันจะต้องมีคำตอบให้ประชาชน โดยตำรวจไม่ได้ปล่อยให้ถูกรังแกฝ่ายเดียว หรือปล่อยให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นคนที่จะออกมากระทำความผิดต้องคิดให้ดี เราผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาพอสมควรแล้ว ครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกของกลุ่มคนที่ออกมากระทำความผิด พร้อมฝากถึงกลุ่มคนที่ยุยงทางโซเชียลมีเดีย ให้ข่าวลวง สร้างข้อความ สร้างเฟคนิวส์ที่ก่อให้เกิดความสับสน

ขณะที่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไทยมุง ตนแนะนำให้อย่ามา ถ้าไม่จำเป็น โดยสามารถรับฟังทางโซเชียลมีเดียก็ได้เพราะมีสื่อรายงานหลายราย ซึ่งถ้ามาท่านอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดได้ ไม่มากก็น้อย แต่ตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเท่านั้น ที่มีปรากฏหลักฐานชัดเจน คงไม่ไปปรักปรำผู้ใด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าการชุมนุมนับจากนี้ไป สถานการณ์จะวนกลับไปเหมือนช่วงปลายปี 64 พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า อย่าใช้คำว่ากังวลเลย กลับมองว่าตำรวจที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ก็คงเหมือนสื่อ ต่างคนต่างมีหน้าที่ในการทำงาน ตำรวจมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ ก็คงไม่เห็นตำรวจต้องมายืนบนถนนคอยจับในส่วนผู้ที่กระทำความผิดตรงนี้ ตำรวจควรจะมีหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมมากกว่าการมาคอยจับคนกระทำผิดในตรงนี้ ส่วนตัวไม่วิตกกังวล แต่ไม่ควรเกิดขึ้น ถ้าคิดว่ามีสิทธิตามกฎหมายก็ว่าไป แต่ในส่วนของตำรวจยืนยันว่าเดินหน้ารักษาความสงบเรียบร้อย

พ.ต.อ.กฤษณะ ยังระบุถึงกรณีในการปฏิบัติหน้าที่ที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บว่า มีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่โดยหลักคิดแล้ว พยายามจะไม่เข้าไปปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยกเว้นในกรณีที่ปล่อยไปแล้วจะไปเกิดเหตุลุกลามบานปลาย มันก็จำเป็นที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ มันมีหลักการปฏิบัติหน้าที่ หลักการใช้กฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่เคยใช้คำว่าสลายการชุมนุม เพราะนี่ไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นการก่อเหตุความไม่สงบ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯประเทศไทยไม่เคยใช้ พรบ.การชุมนุมในที่สาธารณะ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ภายใต้การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การชุมนุมทางการเมืองไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว

“ท่านต้องเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน ท่านไม่สามารถชุมนุมทางการเมืองได้เลย การออกมาขว้างปาสิ่งของ ระเบิด หรือการตรวจยึดอุปกรณ์จากจุดสกัดมันคืออะไร หลายรายยอมรับด้วยซ้ำว่าเตรียมสิ่งของเหล่านี้มา เพื่อโยนใส่บ้านท่านนายก เพื่อมาก่อเหตุความเดือดร้อนกับประชาชน ถ้าเราไม่ร่วมมือกันไม่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ประเทศคงลำบาก” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีที่เมื่อวานนี้ทางตำรวจได้จับกุม สื่อเพจเฟซบุ๊ก “กะเทยแม่ลูกอ่อน” ไปหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เบื้องต้นเป็นสิทธิของสื่อและยูทูบเบอร์รายงานสถานการณ์ที่เกิดเหตุ แต่อยากฝากว่าต้องรายงานข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าบางรายรายงานข้อมูลเท็จออกไป เป็นการสร้างข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ ทางเจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง

“ถ้าท่านไม่ได้รายงานข้อเท็จจริง ท่านรายงานแต่เรื่องเท็จก็คงมีปัญหา แต่ถ้ารายงานตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ท่านทำหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว ขอขอบคุณ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่มีแนวคิดสร้างข่าวลวง สร้างข่าวเท็จ สร้างความสับสน ยุยงปลุกปั่นในโซเชียลมีเดียเท่านั้นเอง” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีที่มีผู้ไลฟ์สดด่าเจ้าหน้าที่ไปด้วย มีบทลงโทษอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ต้องไปดูถ้อยคำเนื้อความว่าเป็นการกระทำความผิดอะไรบ้าง เช่นเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ก็มีการไล่ดำเนินคดีอยู่แล้ว ปกติถ้าคนมายืนด่าไม่มีการไลฟ์สดแล้วเป็นเรื่องไม่จริงท่านจะยอมมั้ย เจ้าหน้าที่.เขามาทำอะไร เขาคงไม่ได้ต่อร้องต่อเถียง เขามาปฏิบัติหน้าที่ ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สื่อที่อยู่ที่นี่ ตำรวจอยู่ฝั่งนี้หนึ่งส่วน อยู่อีกฝั่งถนนหนึ่งส่วน ทำไมผู้ที่ก่อเหตุเลือกที่จะโยนระเบิด ขว้างปาสิ่งของไปยังเจ้าหน้าที่อย่างเดียว มันคือการยั่วยุก่อเหตุความไม่สงบ หรือเป็นการชุมนุมโดยอ้างว่าปราศจากอาวุธ มีหลายฝ่ายอ้างว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุ ต้องย้อนกลับไปดู ถ้าดูหนังต้องดูตั้งแต่ต้น อย่าไปเปิดดูกลางเรื่องแล้วมาสรุปว่า สุดท้ายเปิดมาดูอีกทีตำรวจกำลังใช้น้ำฉีด แล้วมาบอกว่าตำรวจใช้กำลังเกินไป ผมว่าคงไม่ใช่

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเมื่อวานนายเคร้อยล้าน จะเข้าข่ายก่อเหตุวุ่นวายหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ต้องไปดูข้อเท็จจริง เห็นว่ามาปรากฏในพื้นที่ มีความพยายามแยกเป็นสองกลุ่ม ต้องไปตรวจสอบ ไม่ทราบด้วยว่าที่มามีเจตนารมณ์อะไร แต่ก็ไม่ได้มาป่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เราพยามแยกเพื่อไม่ให้เกิดน้ำผึ้งหยดเดียว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่า กรณีผู้กระทำผิดได้รับการประกันตัว แต่มาก่อเหตุซ้ำ จะเรียกผู้ปกครองมาพูดคุยหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า เป็นหลักปฏิบัติอยู่แล้วในการปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ว่าจะในชั้นตำรวจ ชั้นอัยการ หรือชั้นศาลเป็นหลักปฏิบัติอยู่แล้วว่ามีเงื่อนไขกำหนดเอาไว้ว่า สามารถทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง ถ้าพนักงานสอบสวน ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ก็ต้องขอเพิกถอนการประกัน เป็นเรื่องปกติ และเป็นเหตุให้ดำเนินคดีและเพิ่มโทษได้ด้วย เพราะได้ออกมาแล้วกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก.