หลังจาก ‘กัญชา’ ปลดล็อก ร้านอาหารหลายแห่ง เริ่มนำเอากัญชามาเป็นส่วนผสมในอาหารได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อชูรสชาติให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อมและอร่อยมากขึ้น มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เตือนพ่อค้าแม่ค้าที่ใส่กัญชาในอาหาร ให้เห็นถึงฤทธิ์กัญชาที่ไม่ได้มีเพียงด้านดีเท่านั้น โดยในโพสต์ได้ระบุว่า

‘ฝากถึงพ่อค้า แม่ค้าทุกท่านนะคะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกินกัญชาได้
สรุปเราแพ้กัญชาค่ะ ด้วยความเสียดายกับข้าวที่ซื้อมา (ใส่กัญชา) เราก็เลยกินเองคนเดียว กินช่วงค่ำๆ พอตกดึก อาการออกหนัก ปวดหัว คอแห้ง คอบวม กลืนน้ำลายลำบาก กระหายน้ำมาก เพลีย ปวดท้อง รู้นะว่าเป็นอาการแพ้ แต่ไม่รู้แพ้อะไร เลยไม่ไป รพ. ก็กินยาแก้ปวด เกลือแร่ แล้วเพลีย ปวดท้อง ปวดหัว กระหายน้ำ 3 วัน บอกเลยทรมานมาก อยากให้เพื่อนๆ ลองถาม หรือสังเกตอาหาร ก่อนสั่ง ก่อนกินนะคะ’
ในภาพประกอบมีใบกัญชาติดอยู่ที่ก้นถุง


โดยล่าสุดเธอได้อัพเดทอาการ ว่าได้ไป รพ. และแพทย์วินิจฉัยว่าอาการแพ้เป็นผลมาจากฤทธิ์กัญชา ซึ่งหลังจากที่เธอโพสต์ข้อความดังกล่าว ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็น ว่าเธออาจจะมีอาการเมาแล้วคิดไปเองว่าแพ้ หรือบางคนอ้างว่า ใบกัญชาแทบจะไม่มีผลทำให้มีอาการแพ้ได้เลย

รศ.พญ.รัศมน กัลป์ยาศิริ ผู้จัดการศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด (ศศก.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในกัญชามีสารสำคัญอยู่ 2 ชนิด คือสาร CBD และ THC ซึ่งสาร THC ทำให้มึนเมาและเคลิ้ม ในส่วนที่มีสาร THC เข้มข้นมากที่สุด ไม่แนะนำให้นำไปใช้ เพราะทำให้เป็นพิษและเมาได้ หากเป็นสาร THC ในส่วนที่น้อยมาก ๆ ซึ่งจะอยู่ในส่วนของใบ สามารถนำมาประกอบอาหารได้

ทั้งนี้หากนำ ‘ใบกัญชา’ มาประกอบอาหาร เมื่อใบกัญชาผ่านความร้อน สาร THC จะออกฤทธิ์มากกว่าเดิม ดังนั้น การนำใบกัญชามาทำอาหารต้องระวังอย่างมาก ยิ่งผ่านน้ำมัน หรือความร้อนมากเท่าไหร่ จะทำให้สกัดสารออกมาได้มาก และเป็นอันตรายอย่างมากและเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ ถึงแม้ว่าสาร THC ในส่วนใบจะมีปริมาณน้อยก็ตาม…

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เว็บไซต์ Chula C.A.N.S.