เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่ อาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 คลองเตย กรุงเทพฯ จากกรณีแพเเตก ที่เป็นเรื่องร้อนในขณะนี้ ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือ แม่แตงโม ได้ทำหนังสือยกเลิกการมอบอำนาจให้ดำเนินคดีและใบแต่งตั้งทนายความของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ นายวินัย ชุมสวัสดิ์ ทนายความผู้ร่างฟ้อง เพราะทางทีมกฎหมายได้มอบให้นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษาศาลอาญาธนบุรี ร่างคำฟ้องมาตรา 290 ก่อน และในภายหลังหากนำสืบได้ว่าหลักฐานไปได้ไกลจริง จึงจะดำเนินคดีมาตรา 288-289 เนื่องจากเมื่อวานนี้  (14 มิ.ย.) นายอัจฉริยะ ได้ไปชิงฟ้องต่อศาลในมาตรา 288-289 ตามหนังสือมอบอำนาจเดิมของนางภนิดา แต่ทางคณะทำงานและนางภนิดาต้องการฟ้องมาตรา 290 ฐานทำร้ายร่างกาย จึงเป็นการมีความเห็นการฟ้องคดีไม่ตรงมาตราความผิดกันตามที่มีการรายงานข่าวไปก่อนหน้านี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวก่อนให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ว่า หลังศาลประทับรับฟ้องคำร้องของตนในคดีแตงโม ก่อนที่ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน (แม่แตงโม) จะชี้แจงร่วมกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ ว่าจะมีการไปยกเลิกหนังสือมอบอำนาจ ว่า คุณแม่ประสงค์ฟ้องแค่ มาตรา 290 ซึ่งมาตรานี้ตนก็ฟ้องแล้ว รวมฟ้องไป 8 มาตรา คลุมทั้งหมดแล้ว ยืนยันมีหลักฐาน เป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถไปสู่มาตรา 288 ได้ ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงยื่นฟ้องมาตรา 288 และเชื่อว่าหากได้มีการไต่สวน ศาลประทับรับฟ้องมีมูลอย่างแน่นอน ส่วนจะโดนกี่มาตราขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล การจะแก้เรื่องที่ศาลประทับรับฟ้องแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย หากไปถอนฟ้อง แล้วฟ้องมาตรา 290 อีกไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ และจะมีมูลหรือไม่ให้รอดูวันที่ 22 ส.ค.นี้

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ได้แจ้งไปยัง ส.ส.เต้ แล้วว่ามาฟ้องที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ยืนยันไม่เคยได้รับแจ้งถึงหนังสือยกเลิกการมอบอำนาจ จากแม่แตงโม ยืนยันไม่ใช่การลักไก่ฟ้องลับหลังคุณแม่ เพราะได้เอาหลักฐานให้ดูถึง 2 ครั้ง ซึ่งการจะให้ตนไปตามบังแจ็ค มองว่าไม่ใช่ แล้วไปเชื่อหลักฐานของบังแจ็คได้อย่างไร ตนเห็นแล้วไม่เห็นว่าจะมีหลักฐานชิ้นไหนนำมาเป็นประโยชน์ทางคดีได้

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า คุณแม่ยังมีการเสนอเงินให้ทางชมรมฯ ด้วย แต่ตนปฏิเสธไม่รับ แต่ไม่รู้ที่ไปที่มาของเงิน ยืนยันว่าตนทำคดีด้วยความสุจริต ไม่ประสงค์เรื่องเงิน ทั้งนี้ ยังมีการพยายามที่จะเขี่ยตนออก เนื่องจากไม่สามารถบังคับได้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา การเปิดหลักฐานให้ดูเพียงแค่ 10% เท่านั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ เปรียบเสมือนเขาต้องการจะมาดูไพ่เรา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าตัวเองถูกหลอกใช้หรือไม่ นายอัจฉริยะ ตอบว่า เป็นเกมๆ หนึ่งที่ตนเป็นเหยื่อ ตอนนี้เขาคิดว่าเขาเป็นผู้บงการ โดยมีทุกคนเป็นเหยื่อ ส่วนประเด็นที่คุณแม่ขีดเส้นตาย 7 วัน ให้คืนเอกสารสำคัญทางคดี ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการทางกฎหมายนั้น ตนขอเรียนว่าเอกสารบางอย่างเป็นของตน ยืนยันจะไม่คืน ให้รอดูว่าใครจะถูกดำเนินคดี พร้อมย้ำชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่การแลกหมัด แต่ตนเป็นต่อ ไม่ได้เป็นรอง ยอมรับว่าคุณแม่สามารถเพิกถอนเอกสารได้    

นายอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มว่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับคุณแม่และ ส.ส.เต้ มีเพียงการทวงเงินวางศาลจำนวน 255,000 บาทคืน ซึ่งได้คืนไปแล้ว กระแสข่าวที่จะมีการฟ้องยักยอก มองว่าเลอะเทอะ

ส่วนที่ทางด้าน ส.ส.เต้ บอกว่าอยากให้ใจเย็นๆ จะมีโอกาสรีเทิร์นกันหรือไม่นั้น นายอัจฉริยะ ระบุว่า ไม่ใช่รีเทิร์นไม่รีเทิร์น ตนยึดความถูกต้องเป็นหลัก ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะได้ทำคดีต่อหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งคือได้ทำตามสัญญากับประชาชนแล้ว และได้ทำหลักฐาน ประเด็นฆาตกรรมจนศาลประทับรับฟ้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำชัดว่าไม่กังวลจะมีการฟ้องกลับ

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยังระบุว่า หัวใจสำคัญคือการคืนความยุติธรรมให้กับแตงโม และอีกประเด็นคือต้องการเปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย