กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ชาวเน็ตให้ความสนใจ พร้อมทั้งต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่บนโลกออนไลน์ในขณะนี้ สำหรับกรณีร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ที่มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพมหานคร ได้มีการขาย Voucher ผ่านแอพพลิเคชั่น จนมีลูกค้าบอกต่อและเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก แต่สุดท้ายกลับพบว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ของทางร้านได้หายไปแบบล่องหน ไม่สามารถติดต่อได้ และมีชาวเน็ตบางรายแจ้งว่า ที่หน้าร้านก็มีการติดประกาศปิดร้าน

ทำให้หลายคนหวั่นเจ๊ง และซ้ำรอยเหตุการณ์เหมือนร้านแหลมเกต เนื่องจากปัจจุบันราคาแซลมอนพุ่งสูง แต่ราคาวอยเชอร์ที่ขายราคาไม่สูงมากนัก จนหลายคนได้ทำการซื้อไว้หลายใบ ซึ่งต่อมาบนโลกออนไลน์ยังมีการแชร์บทสนทนาที่อ้างว่าเจ้าของได้หายตัวออกไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ดูไบ และปิดเพจหนีไปแล้ว แถมพนักงานก็มีความเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับเงินด้วย ซ้ำทางร้านยังมีหนี้ค่าปลา 30 ล้านบาท จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ในกลุ่มเฟซบุ๊ก กลุ่มคนรักบุฟเฟต์ Buffet Lovers ได้มีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็น “หนึ่งในผู้จัดการสาขา” โดยได้โพสต์ร่ายยาวอธิบายรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมทั้งยืนยันว่า พนักงานรวมถึงเจ้าของแฟรนไชส์ไม่ทราบมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพิ่งมารู้ในเช้าเมื่อวาน (17 มิ.ย.) หลัง เจ้าของบริษัทได้ดีดตัวเองออกจากไลน์กรุ๊ปทั้งหมด และไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้

“(ได้โปรดอนุมัติโพสต์) จากหลายๆ ความคิดเห็นในโซเชียล มีการพาดพิงถึงพนักงาน ร้าน xxx เราคือหนึ่งในผู้จัดการสาขา ขออธิบายแบบนี้นะคะ พนักงาน รวมถึง เจ้าของแฟรนไชส์ทุกท่าน ไม่มีการทราบมาก่อนจริงๆ ว่าจะเกิดเหตุการแบบนี้ พวกเราเพิ่งมารู้ในเช้าวันที่17 หลังจากเจ้าของบริษัทได้ดีดตัวเอง ออกจากไลน์กรุ๊ปทั้งหมด และไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้

เราจึงมีการปรึกษากันในกลุ่มผู้จัดการว่าจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ายังไง จึงได้ฉันทามติร่วมกันว่า ปิดให้บริการ 1 วัน เพราะยังมีความหวังว่าจะสามารถติดต่อเจ้าของบริษัทได้ค่ะ (จนถึงนาทีนี้ก็ยังหวังอยู่แม้จะรู้ว่าริบหรี่เหลือเกิน) ลูกค้าหลายๆ ท่าน กระหน่ำโทรฯ เข้าสอบถามสาเหตุจากพนักงาน “ระบบส่วนกลางล่ม” จึงกลายเป็นคำตอบที่พวกเราคิดขึ้นได้ ขณะนั้นค่ะ เพราะพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าจะให้คำตอบกับลูกค้ายังไงดี ถ้าจะบอกว่าเพราะติดต่อเจ้าของบริษัทไม่ได้ แล้วถ้าอยู่ๆ เขาโผล่กลับมาดำเนินกิจการต่อ ก็กลัวจะมีปัญหาต่อหน้าที่การงาน

ขอยืนยันว่า ทั้งตัวพนักงาน และ หุ้นส่วนสาขาแฟรนไชส์ทุกท่าน พวกเราไม่มีส่วนรู้เห็น หรือวางแผนกันมาก่อน วันที่ 16 เรายังเปิดร้านรับลูกค้าตามปกติ ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ค่ะ ที่ตั้งข้อสังเกตว่าทุกสาขาพร้อมใจกันปิด นั่นเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้าของพวกเรา เนื่องจากทางซัพพลายเออร์ ไม่ส่งวัตถุดิบให้สาขา เพราะทางบริษัท xxx ยังมียอดหนี้เก่าติดค้างอยู่ ไม่มีวัตถุดิบ แล้วจะเปิดร้านยังไง ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ป่านนี้ ทำไมพนักงานยังเงียบอยู่ แล้วขอถามกลับว่า ถ้าพวกคุณมาอยู่ในสถานะพนักงานอย่างพวกเรา จะทำอะไรได้บ้าง

ตอนนี้ พวกเรากำลังตั้งหลัก รวบรวมสติ ว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า คงทำอะไรมากไม่ได้ไปกว่าการฟ้องกรมแรงงาน รับเงินเยียวยาอันน้อยนิดจากประกันสังคม หรือมันมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมคะ ถ้าใครมีความรู้เรื่องสิทธิแรงงาน ขอความเมตตา ชี้แนะพวกเราด้วย มีทั้งแรงงานคนไทย และ ต่างชาติค่ะ โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติยิ่งน่าเห็นใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนได้ยื่นเรื่อง และเสียเงินดำเนินการเรื่องการทำเอกสารไปแล้วครึ่งทาง แล้วโดนเทกลางอากาศ พวกเขาจะเอาอะไรกิน คำถามนี้ดังในหัวตลอดเวลา เพราะเราเป็นผู้จัดการสาขา คลุกคลีอยู่กับพนักงาน มันมีความผูกพันกันมาก มันเจ็บปวดมากค่ะ ตอนเรียกประชุม และต้องแจ้งข่าวร้ายกับพวกเขา พิมพ์ไปร้องไห้ไป

บริษัทนี้ ไม่มีทีมบริหาร ไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล บัญชี หรืออะไรเลยค่ะ (หรืออาจจะมี อยู่มา 3 ปี ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ประสานงาน ทุกอย่างทำเองหมด) อำนาจบริหาร การตัดสินใจทั้งหมด อยู่ที่ตัวเจ้าของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

พอเจ้าของบริษัทหายไป มันจึงล้มทั้งระบบ ลูกค้าท่านไหนที่ซื้อคูปองไว้ แล้วรู้สึกกังวลว่าจะโดนฉ้อโกง ท่านสมารถไปแจ้งความได้เลย ตามดุลพินิจนะคะ ไม่ต้องพยายาม โทรฯ เข้าเบอร์สาขา เพราะ พนักงานก็ไม่มีคำตอบให้แม้แต่อนาคตตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฉันก็ขอกราบขอบพระคุณ ลูกค้าทุกท่าน ที่เคยมาใช้บริการร้าน xxx เพราะพวกท่านเราจึง มีงานทำ มีเงินเดือนใช้มาตลอด ไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ค่ะ ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทั้งเสียใจ ทั้งสงสารลูกน้อง ทั้งควรจะสงสารตัวเองก่อนดีไหม สับสนไปหมด

ขออนุญาตเพิ่มเติม อยากฝากถึงเจ้าของบริษัท ที่ดิฉันเรียกเขาว่า Boss นะคะ ถ้า Boss ได้เข้ามาอ่าน ก็อยากให้กลับมาเผชิญความจริงแก้ปัญหา หนูเชื่อว่าเรื่องนี้ มันยังพอมีทางออกที่ดีกว่านี้สำหรับทุกคน หนูยังไม่ลืมตอนที่ตกงานในวิกฤติโควิด รอบแรก โซซัดโซเซ มาอยู่กับ xxx Boss ก็อ้าแขนรับไว้ และเป็นเจ้านายที่ดีมากๆ หนูรู้ว่าบริษัทเราไม่ได้มีกำไร Boss พูดเสมอว่าสู้ต่อเพื่อลูกน้อง เพื่อให้มีการจ้างงาน จนถึงวันนี้ นึกถึง Boss มันยังไม่มีความโกรธเกลียดเลยค่ะ ยังรักอยู่เหมือนเดิม”..