เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. ที่สำนักงานทนายความ นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง ถนนประชาราษฎร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี กลุ่มผู้เสียหาย ฝั่งกรุงเทพฯ-นนทบุรี ที่เดือดร้อน จากกรณี ร้านบุฟเฟ่ต์แซลมอนชื่อดัง ปิดกิจการหนีหลังหลอกขาย Voucher ให้กับลูกค้า 11 ราย โดยมีแม่ค้าซื้อ Voucher 5 ราย เป็นผู้บริโภค 6 ราย เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับนายรัชพล ซึ่งตอนนี้พบผู้เสียหายมากกว่า 6,000 ราย

โดย น.ส.เจน แม่ค้าคนกลางขายคูปองดังกล่าว กล่าวว่า สำหรับตนได้มารู้จักร้านดังกล่าว จากทางเฟซบุ๊กได้ประชาสัมพันธ์ว่า สามารถซื้อคูปองได้ผ่านแอพพลิเคชั่น ตนเป็นทั้งคนขายและคนกิน ตนขายคูปองมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว มีลูกค้าในกลุ่ม 31,000 คน ตอนนี้ที่มีคูปองในมือ 2,628 ใบ รวมเป็นเงิน 550,000 บาท ทราบข่าวว่ามีปัญหาตั้งแต่คืนวันที่ 16 มิ.ย. เพราะตนรู้จักผู้จัดการร้าน ตอนนั้นตนขับรถอยู่ สั่นไปหมดทั้งตัว กังวลใจมาก เงินไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ถือว่าเป็นเงินเยอะมากจริงๆ ตนจ่ายเงินไปทั้งหมดแล้ว มีลูกค้าทวงเงินคืนกับตนทั้งหมด 40 กว่าใบ ที่จองล่วงหน้าไว้ ตนได้ทำการโอนคืนลูกค้าทุกท่านเรียบร้อยแล้ว ตนยอมรับว่ามั่นใจทางร้านมากเพราะเขาเปิดมานาน ทุกครั้งที่ขายคือขายได้ตลอด ร้านไม่หนีไปไหน ลูกค้ากินได้จริง เลยทำให้เชื่อมั่น คุณภาพสินค้าตามราคา ยอมรับว่าตอนนี้เครียดมากไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้

ด้านนายปรัชญิล แสงวัฒน์ ลูกค้าที่ซื้อคูปอง กล่าวว่า ตนไม่ได้รู้จักทางเพจ แต่รู้จักทางแอพพลิเคชั่นของทางร้าน ตนกินบ่อยและชอบที่นี่ แต่พอหลังๆคุณภาพแย่ลง เขาเริ่มลดราคาลงและตนเลยรู้สึกว่าลดราคาและลดคุณภาพทำไมไม่บอกลูกค้าเพราะหน้าร้านยังราคา 299 บาท แต่พอในแอพถ้าซื้อเกิน 5 ใบ เหลือ 199 บาท ตนเลยซื้อเอาไว้ 10 ใบ เมื่อเดือนที่แล้วไปกินมา 4 ใบ ตอนนี้เหลือ 6 ใบ เพื่อนไลน์มาบอกว่าร้านมันแปลกๆ เพจปิดตัวหมดเลย เพจปิด แอพก็ปิด ร้านก็ปิดป้ายทำการแต่ไม่บอกว่าเมื่อไหร่ เขาจะมีการจองรอบคิวในจองล่วงหน้า ต้องจอง ถ้าซื้อแล้วมากินเลยไม่ได้ ตนคิดว่ามันถูกเพราะราคา 199 บาท ก็ได้กินแซลมอน

ขณะที่ ทนายรัชพล กล่าวว่า เรื่องนี้คล้ายๆกันคือขายVoucher ถูกๆ และไม่สามารถใช้บริการได้ สำหรับผู้เสียหายสามารถไปร้องเรียนได้ที่กองปราบปราม หรือ ปคบ. หรือทาง สคบ.ได้ ต้องไปแจ้งความ เพราะไม่เช่นนั้นตำรวจไม่สามารถดำเนินการได้ การดำเนินการทางแพ่งสามารถไปเอาเงินคืนได้ ส่วนอาญา อาจจะต้องดูเจตนาของเขาก่อนว่าทางเจ้าของมีเจตนายังไง เพราะตอนแรกเปิดขายได้ อยากให้ทางเจ้าของออกมาชี้แจง ทางผู้บริโภค หรือคนที่ทำธุรกิจด้วยจะได้ทราบ แต่ถ้าเจตนาขัดเจนที่จะฉ้อโกงก็อาจจะต้องติดคุก โทษสูงสุดคือเรื่องฉ้อโกงกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน คดีต่างกรรมต่างวาระ หลอกครั้งหนึ่งก็ 1 กรรม หลอก 10 ครั้งก็ 10 กรรม ดูจากการที่เขาหลอกกี่ครั้ง คุณเจนเขาไม่ได้เกี่ยวข้องก็ไม่มีความผิดทางอาญา ส่วนทางแพ่งเขาได้คืนเงินไปหมดแล้วก็ถือว่ามีความรับผิดชอบสูง คนที่ไม่เกี่ยวข้องควรไปแจ้งความเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ เดี๋ยวพอมีการสอบสวนอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาได้ และดำเนินคดีกับทางผู้เกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะคุยกันอีกทีว่ามีความพร้อมในการรวมตัวกันไปแจ้งความที่ ปคบ. หรือพิจารณาอีกทีว่าพร้อมวันไหน อยู่ที่ความสมัครใจผู้เสียหายว่าอยากให้ตนช่วยในส่วนไหน