เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพ นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการศึกษาเพื่อลดอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) โดยจากสถิติที่ผ่านมาในช่วงปี 58-64 พบว่า มีอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางถนน และทางรถไฟเกิดขึ้น 437 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 162 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 434 ราย ยังไม่รวมผู้พิการจากอุบัติเหตุอีกหลายราย

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า จากการดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมา ขร. ได้ลงสำรวจจุดตัดทั่วประเทศกว่า 2,975 จุด พบว่า ยกเลิกใช้แล้ว 218 แห่ง และเป็นจุดตัดต่างระดับแล้ว 621 จุด คงเหลือจุดตัดเสมอระดับ 2,136 จุด ประกอบด้วย ทางผ่านที่มีเครื่องกั้นแล้ว 1,358 จุด ทางผ่านที่เป็นป้ายจราจร 152 จุด และทางลักผ่าน 626 จุด รวมทั้งได้มีการรับฟังความคิดเห็นในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดบุรีรัมย์ ภาคเหนือ จังหวัดพิษณุโลก ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี และภาคกลาง จังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อนำมาจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางถนน และทางรถไฟ

โดยแบ่งเป็น เส้นทางรถไฟทางคู่ในปัจจุบัน ทางคู่ในอนาคต และทางเดี่ยว ซึ่งมีจุดตัดที่ต้องแก้ไขรวม 733 จุด แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน 35 จุด ระยะสั้น 74 จุด ระยะกลาง 308 จุด และระยะยาว 316 จุด โดยระยะเร่งด่วน 35 จุด ขร. ได้ออกแบบรายละเอียด พร้อมประมาณการราคา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปประกวดราคา และก่อสร้าง เพื่อแก้ไข สำหรับระยะสั้นจะขอความร่วมมือหน่วยงานเจ้าของถนน นำผลการศึกษาจากโครงการนี้ และมาตรฐานจุดตัดทางถนนและรถไฟไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขจุดตัดต่อไป

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้โครงการได้นำผลสำรวจจุดตัดมาจัดทำเป็นฐานข้อมูล และแผนที่สารสนเทศออนไลน์ เพื่อประชาชนสามารถเข้าไปดูข้อมูลจุดตัดทางถนนและทางรถไฟผ่านมือถือ และแจ้งข้อมูลอุบัติเหตุ หรือจุดตัดที่ชำรุด โดยสแกน QR Code ผ่านแอพพลิเคชั่น DRT Crossing เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งโครงการได้มีการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก และช่วยบันทึกข้อมูลปริมาณการจราจรอีกด้วย

นายพิเชฐ กล่าวด้วยว่า โครงการนี้จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาจุดตัดทางรถไฟที่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้รับความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ บริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถไฟ ทำให้ผู้โดยสารบนขบวนรถไฟได้รับความปลอดภัย และมีความรวดเร็วในการเดินทางเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขปัญหาจุดตัดให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เกิดการยอมรับของชุมชน อีกทั้งโครงการนี้จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการเชื่อมโครงข่ายทางรถไฟสู่สากล ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรางในอาเซียนได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไป.