เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายวรพจน์ บุตรมาตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบุณฑริก จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า เนื่องจากตนไม่คุ้นเคยกับระบบของธนาคารซึ่งเป็นระบบใหม่ จึงได้ไปอาศัย น.ส.เอ (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบัญชีของเทศบาลฯ โดยทางธนาคารกรุงไทย สาขาบุณฑริก ได้แจ้งว่าธนาคารจะเบิกจ่ายในระบบ KTB Coperate Online ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป ตนจึงมอบหมายให้ น.ส.เอ เป็นผู้ดำเนินการประสานงานเพื่อเบิกจ่ายเงินรายจ่ายประจำของเทศบาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา เสนออนุมัติจ่ายตามปกติ จนกระทั่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ต่อจนถึงเดือนมิถุนายน ปรากฏว่าไม่มีการรายงานระบบของธนาคารให้ผู้บริหารรับทราบ กระทั่งวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ตรวจพบความผิดปกติของกองคลัง มีการโอนเงินไปเข้าบัญชีของ น.ส.เอ ทั้งหมดรวม 47 ครั้ง ครั้งละ 2 แสน ถึง 1 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 30,600,000 บาท หลังเกิดเหตุได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาและแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

ด้านนายอภัย วุฒิโสภากร นายอำเภอบุณฑริก กล่าวว่า ได้ทำรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีรับทราบเรื่อง ก่อนตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งนี้ระบบการจ่ายเงิน KTB Coperate Online เป็นระบบ จ่ายเงินที่มีระหัสโดยผู้มีอำนาจคือ นายก, ปลัด, ผอ.ส่วนการคลังเท่านั้น โดยผู้มีรหัสสามารถดำเนินการเบิกจ่าย หรือ โอนจ่ายได้ ดังนั้น การไว้วางใจเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการมากเกินไป ทำให้เกิดการทุจริตได้ รวมไปถึงการละเลยไม่ได้ตรวจสอบควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ก็ย่อมทำให้เกิดโอกาสยักยอกเงินไปได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้จะได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัย และชดใช้เงินหากไม่สามารถติดตาม หรือ ทวงเงินกลับมาได้

ด้าน แม่ของ น.ส.เอ เปิดเผยว่า ลูกสาวหายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. บอกว่าจะไปหาเพื่อนที่เป็นทหารด้วยกัน รู้สึกเสียใจที่ลูกยักยองเงินหลวงไปเข้าบัญชีของตัวเอง และทำเพื่อนข้าราชการเดือดร้อนเพราะอาจไม่มีเงินเดือนให้สิ้นเดือนนี้ อยากให้ลูกรีบกลับมารับผิดชอบคืนเงินที่เอาไปโดยเร็ว โทษหนักจะได้เป็นเบา.