เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทางหลวงก็ยึดแนวทางปฏิบัติเดียวกัน ซึ่งเป็นไปตามกรอบตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาทาง บก.ทล.ได้ดำเนินการกวดขันวินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ฝากพี่น้องประชาชนเคารพกฎจราจรและปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนท้องถนน ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจนถูกออกหมายจับจะถูกบันทึกในฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตามหมายจับ, หากบุคคลที่มีหมายจับเดินทางออกนอกประเทศจะถูกจับ และเกิดความยากลำบาก, ถูกบันทึกในทะเบียนประวัติซึ่งอาจส่งผลต่อการประกอบอาชีพการทำงาน กรณีหน่วยงานสอบถามประวัติคดีอาญา และเกิดความยากลำบากและความน่าเชื่อถือในการทำนิติกรรม

มีรายงานว่า ในส่วนของกองบังคับการตำรวจทางหลวงมีการนำร่องโครงการการดำเนินคดีกับผู้เพิกเฉยต่อใบสั่งจราจร หลังตัวเลขสถิติการออกใบสั่งในปี 2562 มีการออกใบสั่งกว่า 11 ล้านใบ แต่มีผู้มาชำระค่าปรับเพียง 2 ล้านใบ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมีรถที่กระทำความผิดและได้รับใบสั่งจราจรเกิน 10 ครั้ง จำนวน 2,867 คัน มีผู้ครอบครองรถยนต์ที่กระทำความผิด 1,237 ราย เป็นจำนวนใบสั่ง 36,356 ใบ จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทงานวิจัย เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนในงานสัมมนาระดับชาติครั้งที่ 15

สำหรับการดำเนินการมี 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกทางตำรวจทำหนังสือเชิญให้มาพบ เพื่อให้ชำระค่าปรับ พร้อมว่ากล่าวตักเตือนในเรื่องอบรมวินัยจราจร ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการกว่า 1,000 ราย ขั้นตอนที่สอง หากเพิกเฉยไม่มาพบก็จะมีการดำเนินคดีโดยร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ เมื่อพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก หากรับสารภาพก็จะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนไปส่งพนักงานอัยการ อัยการก็จะนำคำฟ้องไปฟ้องต่อศาล หากส่งหมายเรียกแล้วไม่มา ก็จะดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอน

ทั้งนี้มีรายงานว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง โดยมีกรณีผู้ใช้รถเพิกเฉยไม่ชำระใบสั่งจราจรจนนำมาสู่การออกหมายจับ อย่างเช่นกรณี สองหนุ่มเชียงราย คือ นายวริสสร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี และนายกานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ถูกตำรวจ ส.ทล.5 บก.ทล. นำหมายศาลจังหวัดเชียงรายจับกุม หลังจากทั้งคู่ได้กระทำผิดกฎหมายจราจร และแจ้งใบสั่งหลายครั้ง โดยนายวริสสร พบการกระทำความผิดตามใบสั่ง 53 ครั้ง ส่วนนายกานต์ได้รับ 25 ครั้ง แต่ไม่เคยไปชำระค่าปรับทำให้ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลแขวง​ จ.เชียงราย และเข้าทำการจับกุม โดยนายวริสสร ได้รับใบสั่งทั้งหมด 53 ครั้ง เป็นของ สภ.เมืองเชียงราย ที่ดำเนินคดี 28 ใบ ขาดอายุความ 25 ใบ (อายุความ 1 ปี) เหลือ 3 ใบ ปรับตาม พ.ร.บ.ทางหลวง ม.5(2) ใบละ 500 บาท และ พ.ร.บ.จราจร ม.155 ใบละ 500 บาท รวม 3,000 บาท ลดโทษกึ่งนึงเหลือ 1,500 บาท และปรับตาม ม.43(8) 28 กรรม (อายุความ 5 ปี) กรรมละ 2,000 บาท รวม 56,000 บาท ลดโทษกึ่งนึงเหลือ 28,000 บาท และในกรณีของนายกานต์ ก็ถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน