เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับว่า มีหนุ่มชาวเมียนมา ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไป 1.3 ล้านบาท จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ชาวเมียนมา เล่าว่า ช่วงบ่ายวานนี้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหา อ้างว่าโทรมาจากบริษัทไปรษณีย์ไทย และได้บอกว่าตอนนี้มีพัสดุตกค้างเป็นชื่อตนอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย โดยบอกว่าตนต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะโอนสายให้คุยกับชายอีกคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และชายคนดังกล่าวได้พยายามพูดหว่านล้อมให้ตนเกิดความกลัว

โดยอ้างว่ากำลังออกหมายจับตน เนื่องจากได้จับกลุ่มผู้ต้องหาคดีฟอกเงินได้ และได้ให้การซักทอดมายังชื่อตนซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี หากตนบริสุทธิ์ใจทางชายดังกล่าวจะให้นายของตัวเองช่วยเหลือ โดยได้ทำทีไปเคาะประตูเรียกนายและได้ยื่นสายโทรศัพท์ให้คุยกับตน ทางคนที่อ้างตัวว่าเป็นนาย ได้บอกว่าตนเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง กำลังติดตามคดีนี้อยู่ หากตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้แคปหน้าจอแอพฯ ธนาคารส่งให้ดูว่ามีกี่บัญชีและมีเงินจำนวนเท่าไหร่ หลังจากที่ตนได้ส่งให้ดู ทางคนที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาฯ ได้บอกว่าให้ตนโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและจะโอนคืนภายใน 30 นาที

ตนจึงได้รีบโอนเงินทั้งหมด 2 บัญชี ซึ่ง 1 บัญชีมีเงิน 1,240,000 บาท ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้บอกว่าโอนมาเพียง 1,200,000 พอ และอีก 1 บัญชีมีเงินอยู่ 39,000 บาท ให้โอนเพียง 30,000 บาท ไม่จำเป็นต้องโอนเศษ เพราะจะได้ง่ายต่อการตรวจสอบและโอนคืน หลังจากที่ตนได้โอนไปแล้วทางแก๊งคอลเซนเตอร์ก็ได้บล็อกไลน์หายไป ตนจึงรีบแจ้งหัวหน้างานของตน ทางหัวหน้าจึงให้รีบไปแจ้งความที่ สภ.องครักษ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหนังสือให้กับตนนำไปให้ธนาคารเพื่อทำเรื่องอายัดบัญชีทั้งหมด

“ซึ่งทางธนาคารได้อายัดบัญชีทั้งหมดไว้หมดแล้ว แต่ต้องรอตรวจสอบรายละเอียดเรื่องเส้นทางการเงินอีกครั้งภายใน 5 วันทำการ และทางธนาคารจะแจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อ เงินทั้งหมดเป็นน้ำพักน้ำแรงที่ตนเก็บออมสะสมมาตลอดไม่คิดว่าจะมาสูญไปในพริบตา อยากให้ตำรวจช่วยติดตามจับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มาให้ได้ และฝากเรื่องของตนไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนทุกคนให้ระวัง” นายเอก กล่าว