เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่จะช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ สถานการณ์วิกฤติด้านพลังงาน ที่มีแนวโน้มยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้จากสถานการณ์ความขัดแย้งโลก โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบหนักหน่วงและสะสมในหลายมิติ ทั้งราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางประเทศผู้ผลิตส่งออกเท่าที่จำเป็น ทำให้ห่วงโซ่การผลิตนั้นขาดแคลน คงเข้าใจคำว่าอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวก็ชะงักลงในปัจจุบัน ยืนยันว่ารัฐบาลมีการติดตามมาอย่างต่อเนื่อง และมีความกังวลใจ จึงได้สั่งการให้มีการประชุมหารือตลอดเวลาเพื่อศึกษาแนวทางที่เป็นประโยชน์ที่สามารถดำเนินการได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชน และภาคธุรกิจเร่งด่วนทั้งมาตรการใหม่และการขยายมาตรการ มีรายละเอียดดังนี้

1.ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV 15.59 บาทต่อกิโลกรัมระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 16 มิ.ย.-15 ก.ย.
2.ส่วน NGV ในโครงการ NGV ลมหายใจเดียวกัน สำหรับกลุ่มแท็กซี่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 13.62 บาทต่อกิโลกรัมเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 16 มิ.ย.-15 ก.ย.
3.กำหนดกรอบราคาขายปลีก ก๊าซ LPG 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม​ เป็นระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.

4.ขยายระยะเวลาการให้ส่วนลด LPG ร้านค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่เกิน 100 บาทต่อรายต่อเดือนตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.
5.ขณะที่ผู้ที่มีรายได้น้อยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับส่วนลดการซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อราย 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.
6.อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 ในราคาขายที่สูงกว่าลิตรละ 35 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ก.ค.-ก.ย.

7.คงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1 บาท 40 สตางค์ต่อลิตร
8.ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมัน นำส่งกำไรจากค่าการกลั่นส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อลดภาระราคาค่าน้ำมันให้กับประชาชนทั้งน้ำมันดีเซลและเบนซินในช่วง 3 เดือน ก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นเรื่องของการขอความร่วมมือ ตนก็ขอขอบคุณบรรดาสถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือ ในเรื่องนี้

9.มาตรการด้านภาษี สำหรับบริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล การจัดอบรมสัมมนาการจัดนิทรรศการ การจัดแสดงสินค้าภายในประเทศเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศและห่วงโซ่อุปทานในการท่องเที่ยว รวมไปถึงสนับสนุนการจ้างงานเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 15 ก.ค.-14 ก.ย. โดยสามารถนำมาหักค่าใช้จ่าย ค่าสัมมนาค่าห้องพักค่าเดินทาง หรือส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเมืองหลักจะหักได้ 1.5 เท่า ส่วนเมืองรองจะหักได้ 2 เท่า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าเข้าร่วมงานเข้าออกร้านการจำหน่ายสินค้าต่างๆ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่านอกจากนี้รัฐบาลยังขอความร่วมมือให้ประชาชนร่วมกันประหยัดพลังงาน ทั้งภาครัฐเอกชนและภาคขนส่งให้ได้มากที่สุด ขอให้ทุกหน่วยงานได้เร่งออกนโยบายที่เหมาะสมตามศักยภาพของตนเองทั้งการเปิดปิดไฟ การลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ ใช้การประชุมออนไลน์ โดยภาครัฐได้มีกำหนดนโยบายให้ลดการใช้พลังงานกว่าร้อยละ 20 ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของหน่วยงาน ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ ในการที่จะช่วยเหลือประชาชน

นายกฯ กล่าวอีกว่า​ จากการประเมินสถานการณ์ ตนคาดว่าสถานการณ์เรื่องนี้ คงจะไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ โดยจะได้มีการประชุมหารือร่วมกัน เพื่อเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ ตามสมมุติฐานว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อไปเป็นระยะเวลาเท่าใด ทำอะไรได้บ้าง ทั้งมิติด้านพลังงาน​ และอาหาร ซึ่งในระยะยาว ล้วนมีผลกระทบทั้งสิ้นจำเป็นต้องวางแผนระยะยาว

“รัฐบาลยืนยันว่าจะพยายามหาทางช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการบนพื้นฐานของวินัยทางการเงินการคลังที่มีความสมดุล ที่ต้องไม่ก่อให้เกิดภาระในอนาคตที่มากเกินไป ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย หลายอย่างเราก็ลดภาษี รายได้เราก็ลดลง เพราะฉะนั้นจำเป็นจะต้องใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน” นายกฯ กล่าว