เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เมื่อถึงช่วงกระทู้ถามสดด้วยวาจากระทู้ที่ 3 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เรื่องเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ซึ่งถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปรากฏว่าประธานในที่ประชุมแจ้งว่า นายกฯ ได้ทำหนังสือแจ้งว่า ติดภารกิจสำคัญไม่สามารถมาตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาได้ โดยมอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง มาตอบกระทู้แทน แต่นายอาคมแจ้งว่าติดภารกิจจึงมอบหมายให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง มาตอบกระทู้แทน แต่ได้รับหนังสือแจ้งมาว่าติดภารกิจสำคัญเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถมาตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาในครั้งนี้ได้

นายพิธา จึงหารือประธานในที่ประชุมเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของรัฐสภาเกี่ยวกับกลไกการถามกระทู้ โดยระบุถึงข้อบังคับการประชุมข้อที่ 151 และ 156 ที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะต้องเข้าร่วมประชุมสภายกเว้นมีเหตุจำเป็น จึงขอสอบถามว่าในหนังสือที่นายกรัฐฒนตรีและรัฐมนตรี แจ้งมาให้เหตุผลว่าอะไร เพราะเวลาของสภามีค่า ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องอธิบายสาเหตุที่ไม่สามารถมาได้ แค่ตอบว่าติดภารกิจสำคัญคงไม่ใช่คำตอบที่จะเอามาตอบประชาชน ทั้งนี้ กระทู้ถามสดด้วยวาจา เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน มีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชน ตนเป็น ส.ส. มา 4 ปี ยังไม่เคยเห็นนายกฯ มาตอบเรื่องของแพง ค่าแรงถูก ขอฝากประธานฯ ให้นายกฯ ทำตามข้อบังคับข้อที่ 151 และข้อที่ 156 ว่าจะมาตอบเมื่อไหร่ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปากท้องเป็นความทุกข์ร้อนของประชาชน

จากนั้น นายสุชาติ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม กล่าว่าหนังสือที่ส่งมาแจ้งว่าติดภารกิจสำคัญ ตนเข้าใจดีเพราะตลอดเวลาได้เตือนรัฐบาลมาตลอด ว่าวันพุธ และวันพฤหัสบดี ควรเว้นจากการนัดหมายแล้วมาประชุมสภา ทั้งนี้ ในหนังสือไม่ได้แจ้งว่านายกฯ จะมาตอบเมื่อไหร่ เพียงแต่มอบหมายให้ รมว.คลัง และ รมช.คลัง มาตอบ แต่ได้รับแจ้งว่าขอเลื่อนตอบเนื่องติดภารกิจ

ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่าประธานเคยท้วงติงแล้วหลายครั้ง ซึ่งการมอบหมายให้คนที่ไม่ว่างมาตอบเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ควรมอบให้คนที่สะดวก และพร้อมน่าจะดีกว่า เพราะเป็นเรื่องการตรวจสอบของสภาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สำคัญเราให้ความสำคัญในกลไกสภา อยากให้ ครม.ให้ความสำคัญด้วย ทั้งนี้ กระทู้สดด้วยวาจามีเพียงสัปดาห์ละ 3 กระทู้ การที่ ครม. ไม่มาตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจา จึงเป็นการเสียสิทธิของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่จะตรวจสอบการทำงานของ ครม. อย่างไรก็ตาม เราเคยมีการยกเว้นข้อบังคับการประชุม ที่เมื่อเลื่อนการตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจา ในสัปดาห์ถัดไปเพื่อเป็นการรักษาสิทธิ ก็ให้สอบถามกระทู้สดด้วยวาจาได้มากกว่า 3 กระทู้ ดังนั้น การประชุมสภาครั้งหน้า ขอให้มีการถามกระทู้ถามสดด้วยวาจา 4 กระทู้ โดยเป็นของฝ่ายค้าน 3 กระทู้ ตนก็จะยินดี

นายสุชาติ จึงแจ้งต่อที่ประชุมว่าในกรณีกระทู้ถามสดด้วยวาจาวันนี้ นายกฯ กับรัฐมนตรีไม่ได้มาตอบ ถ้าท่านยังติดใจจะถามต่อไปในสัปดาห์หน้าที่ประชุมคงไม่ขัดข้อง ส่วนกรณีของนายพิธาที่ท้วงติงมาถือว่ามีเหตุผล ตนเคยท้วงติงไปหลายครั้ง การมอบหมายครั้งที่ผ่านมาตนท้วงติงกับ รมว.มหาดไทย ว่าไม่ใช่สักแต่จะมอบ แต่ต้องถามผู้รับมอบว่าพร้อมหรือไม่ ตนอยากจะฝากข้อบังคับการประชุมข้อที่ 151 แม้ว่าสภาจะไม่สามารถบังคับรัฐบาลได้ แต่เป็นเรื่องการให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงอยากฝากรัฐมนตรีไปยังนายกฯ ให้เตือนนายกฯ ในที่ประชุม ครม. ว่าสภามีข้อบังคับการประชุมข้อที่ 151 ท่านควรมาตอบเองให้เกียรติสภาหน่อย ถ้าติดภารกิจควรต้องมอบหมายบุคคลที่มาตอบได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกฯได้หรือไม่ หรือใครที่มีความรู้ที่จะมาตอบได้ ขอฝากตรงนี้ด้วย

“ขอกำชับว่าการมอบหมายอย่าสั่งเหมือนทหาร คือสั่งไปแล้วถือว่าจบกันแบบนั้นไม่ใช่ แต่ขอให้สั่งเหมือนนักการเมือง ต้องสอบถามกันหน่อยว่า ว่างหรือไม่ ตอบได้หรือไม่ แบบนี้ไม่เรียกว่ามอบหมาย เพราะมอบหมายแล้วไม่มาตอบ ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ ขอฝากท่านนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่อยู่ในห้องประชุมไปนำเรียนนายกฯ ด้วย” นายสุชาติ กล่าว