เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ศ.ดร.สุชาติ​ ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไว้ว่า 1.หากต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ​ไทย​ที่เจริญเติบโตต่ำมานาน​ จะต้องทำ​ 2 อย่างคือ​ (ก)​ ทำให้มีผู้นำที่น่าเชื่อถือ​เชื่อมั่น​ (ข)​ เพิ่มการส่งออกไปพร้อมกับการเพิ่มการลงทุนในประเทศ​ โดยการส่งออก​สินค้าบริการ​ และการท่องเที่ยว​เป็น​ “รายได้” การลงทุนของรัฐบาล ของเอกชนและประชาชน​ เป็น​ “รายจ่าย” (ในสมการ​ GDP​ = C+I+G+E-M: มี​ตัว E การส่งออกเท่านั้น​ที่เป็นรายได้ ที่เหลือทุกตัวเป็นรายจ่าย)

2.การส่งออก​ (ยังไม่รวมท่องเที่ยว)​ มีขนาดประมาณ 10 ล้านล้านบาท ห​รือ 60% ของ​จีดีพี หากทำให้​ความเติบโต​ (growth)​ ของการส่งออก​ เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 15% จะมีรายได้​ (จีดีพี) ส่วนเพิ่มอีก​ปีละ 1.5 ล้านล้านบาท​ รัฐจึงต้องมีมาตรา​การด้านนี้​​ โดยหลักๆ​ คือ​ กำหนดค่าเงินบาทให้แข่งขันได้

3.รายได้ที่เพิ่มขึ้น จะไปเพิ่มรายจ่ายในการลงทุนของเอกชน​และประชาชน​ และการลงทุนของรัฐบาล​ (เพราะรัฐได้ภาษีเพิ่มขึ้น) เช่น​ รัฐอาจทำรัฐบาลดิจิทัล ลงทุนระบบน้ำ ลงทุนระบบขนส่ง ปรับระบบการศึกษา เปลี่ยนโครงสร้างระบบราชการ ทำ​ระบบเกษตร​ก้าวหน้า​ (โดยอาจกู้เงินเพิ่มบางส่วน)​

4.แต่หากจะใช้นโยบายเพิ่มการลงทุนอย่างเดียว​ (โดยไม่กำหนดเรื่องการส่งออก)​ อันนี้​ รัฐบาล​ต้องไปกู้เงินมา​ ต้องเป็นหนี้เพิ่มขึ้น​ และต้องระวัง​ หากรายได้​ (จีดีพี)​ เพิ่มไม่ทัน​ อาจทำให้หนี้ต่างประเทศต่อจีดีพี​สูงเกินไป​ นักลงทุนจะขาดความเชื่อมั่น​ ถอนเงินทุน​ เช่น​ กรณีลาว ศรีลังกา ปากีสถาน​ และแอฟริกาหลายประเทศ ที่กำลังมีปัญหา​ขาดแคลนเงิน​ตราต่างประเทศ เงินท้องถิ่นลดค่าลงมากเกินไป​ และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาก

5.ทุกประเทศในภูมิภาคนี้​ ที่เคยมีความเจริญเติบโตเกิน​ 10% เป็นเวลาหลายๆ ปี​ (ญี่ปุ่น เกาหลี จีน)​ ล้วนเติบโตด้วยการส่งออกสินค้าธรรมดาๆ​ ราคาถูกๆ​ ด้วยค่าเงินที่แข่งขัน​มาก่อนทั้งสิ้น ได้กำไรแล้วจึงไปลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยี​ แล้วส่งสินค้า​ Brand name รัฐบาลของประเทศนั้นๆ​ ก็ไปปรับปรุง​โครงสร้างบริการพื้นฐาน เช่น ทำรถไฟความเร็วสูง ทำถนน ทำท่าเรือ​ ไม่มีประเทศใด​ (แม้แต่จีน​)​ จะเจริญเติบโตได้ด้วยการผลิต​แล้วกินใช้กันเอง