เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 4 อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ลต อบจ 1/2565 และคดีเหมายเลขแดงที่ 1528/2565 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ (นายก อบจ.กาฬสินธุ์) ใหม่ หลังจากนายชุมพล หลักคำ ผู้สมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด เขตเลือกตั้งที่ 4 นายสุมินทร์ ภูดวงดอก ผู้สมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาดเขตเลือกตั้งที่ 3 และนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล ผู้สมัครรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ยื่นคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 ที่นายชานุวัฒน์ วรามิตร ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.63 นายชานุวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้คัดค้าน ก่อ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ นายอนุชา สิงหะดี ซึ่งเป็นทีมงานบริหารและเป็นผู้ช่วยหาเสียงโพสต์ข้อความในบัญชีผู้ใช้เฟชบุ๊ก ชื่อ “อนุชา สิงหะดี Anucha singhadee” ด้วยข้อความว่า “#ประกาศ พี่น้องในทุกพื้นที่ท่านใดอยากได้ป้ายผู้สมัครนายก อบจ.#เบอร์ 1 ชานุวัฒน์ วรามิตร ที่ติดตั้งอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วกาฬสินธุ์#ท่านสามารถรื้อนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้ครับ หากท่านมีความประสงค์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งทีมงานผู้สมัครทุกเบอร์ ก็กำลังดำเนินการเก็บป้ายครับ” ซึ่งผู้ใช้เฟชบุ๊กอื่นๆ ตอบรับด้วยการโพสต์ข้อความแสดงความประสงค์ของแผ่นป้ายหาเสียงดังกล่าว

ทั้งนี้ศาลไต่สวนได้ความว่า นายอนุชา เป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้คัดค้าน โดยผู้คัดค้านได้มอบหมายให้นายอนุชา ทําหน้าที่ติดตามผู้คัดค้านไปพบปะประชาชนในพื้นที่ เป็นพิธีกรในเวทีปราศรัยหาเสียงโฆษณา และให้นายอนุชาหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ อีกช่องทางหนึ่งด้วย บัญชีเฟซบุ๊กที่นายอนุชาโพสต์ข้อความดังกล่าวมีการตั้งค่าเป็นสาธารณะ ในการโฆษณาทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อหาคะแนนเสียงให้แก่ผู้คัดค้าน ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้างต้นย่อมฟังได้ว่า การกระทําของนายอนุชาที่โพสต์ข้อความตามคําร้องในบัญชีเฟซบุ๊กของตน มีความคาดหวังและหวังผลต่อจิตใจผู้ที่เข้ามาใช้ ได้เห็นหรือติดตามข้อมูลจากบัญชีเฟซบุ๊กของตนที่เป็นบุคคลในจังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งยังเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ให้ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน ที่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์ แล้ว

ส่วนที่นายอนุชาอ้างว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อเสร็จการเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะทิ้งป้ายหาเสียงทําให้เป็นภาระต่อหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงโพสต์ข้อความดังกล่าว แต่ในการไต่สวนพยานผู้คัดค้านก็ปรากฏว่า นายอนุชา ทราบดีอยู่แล้วว่าผู้รับจ้างของผู้คัดค้านกําลังดําเนินการเก็บป้ายหาเสียง ของผู้คัดค้านอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่นายอนุชาต้องโพสต์ข้อความดังกล่าวเพื่อลดภาระของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการเก็บป้ายหาเสียงเลือกตั้ง หากนายอนุชาต้องการให้บุคคล ที่ต้องการแผ่นป้ายหาเสียงไปใช้ประโยชน์ นายอนุชาสามารถรอให้ผู้รับจ้างเก็บป้ายหาเสียง เสร็จสิ้นก่อน และเมื่อการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ผ่านพ้นไปแล้วค่อยเสนอให้ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ของผู้คัดค้านแก่บุคคลทั่วไปมารับไปใช้ประโยชน์ก็ย่อมทําได้

ข้ออ้างของนายอนุชาจึงไม่มีน้ำหนักรับฟัง พยานหลักฐานที่ได้ความจากการไต่สวน จึงมีหลักฐานอันสมควรเชื่อว่าการกระทํา ของนายอนุชาที่โพสต์ข้อความตามคําร้องในบัญชีเฟซบุ๊กของตนเป็นการแสดงเจตนาให้ แผ่นป้ายหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้านแก่ผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งพบเห็นข้อความดังกล่าว อันเข้าลักษณะ เป็นการจัดทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 65 (2) โดยผู้คัดค้านได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทําของนายอนุชา อันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้คัดค้าน เกิดจากการเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 108 วรรคสอง กรณีมีเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามคําร้องของผู้ร้อง จึงพิพากษาให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.กาฬสินธุ์ ใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 108 วรรคสอง