เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงในเวทีโลกสร้าง “JCK CANNABIZ INDUSTRIAL PARK” เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมกัญชาและกัญชงที่ครบวงจรแห่งแรกในเอเชีย ด้วยงบลงทุนมูลค่า 2,800 ล้านบาท และพร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทและนักลงทุนต่างประเทศในการพัฒนา ตั้งแต่สายพันธุ์ การปลูก การสกัด และพัฒนาสินค้ามาตรฐานสูงสุดระดับโลกแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชีย

นายอภิชัย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ปลดล็อกกฎหมายให้สามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ ดังนั้นกัญชาจึงกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้มหาศาล ซึ่งเรามีพื้นที่กว่าแสนตารางเมตร เป็นตัวอาคารโรงงานสร้างเสร็จเรียบร้อย และพร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทและนักลงทุนต่างประเทศในการพัฒนา ตั้งแต่สายพันธุ์ การปลูก และการสกัด และพัฒนาสินค้ามาตราฐานสูงสุดระดับโลกแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชีย บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท Cannabizta และ Bienestar ที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกกัญชาจากประเทศเนเธอร์แลนด์และประเทศไทย บริษัท Bosman Van Zaal ที่เชี่ยวชาญการสร้างระบบปลูกกัญชาระดับโลกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และ บริษัท Delphy ที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกกัญชา

โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญกระจายตัวอยู่ทั่วโลก รวมไปถึงบริษัท Paradise Seeds ที่ผลิตเมล็ดและสายพันธ์กัญชาที่มีคุณภาพสูง และบริษัท Global Factories จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการจ่ายยาอัตโนมัติในรูปแบบ personalized medicine อีกทั้งความร่วมมือจากบริษัทเอมาราเอเชีย ที่มีพันธมิตร เช่น Zelios International จากสหรัฐอเมริกา ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกและการสกัดกัญชง โดยจะใช้พื้นที่ในการปลูกใน JCK Cannabiz Industrial Park 1,500 ตารางเมตรระบบ Indoor และที่จ.นครพนม 1,500 ไร่ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระบบ Outdoor เพื่อรุกสู่ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ธุรกิจสปา ธุรกิจพลาสติก Bio Resin และการใช้สารสกัดกัญชาทางด้านการแพทย์ ที่มีมูลค่ากว่าหลายแสนล้านบาทโดยมีตลาดส่งออกไปที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี

“ผมมองว่ากัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ เพราะมีมูลค่าทางการตลาด คาดการณ์ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าว่าจะสูงขึ้นไปถึงแสนล้านดอลลาร์ กัญชงก็เช่นเดียวกัน สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศจากที่เราเจอวิกฤติโรคระบาด ก็ค่อนข้างแย่ลง ดังนั้นเมื่อเรามีพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่มีประโยชน์ในหลายมิติสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเราได้แบบนี้ จึงมองเห็นโอกาสในการพัฒนาและดึงเงินเข้าประเทศ ซึ่งตอนนี้เราเน้นกัญชาทางด้านการแพทย์เป็นหลัก ด้านสันทนาการนั้นน้อยมาก ผมมองว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัวคน เช่นการดื่มสุรา หากเราดื่มมากก็มีปัญหาตามมา หากใช้กัญชาในทางที่ผิด เสพเข้าไปมาก ก็มีปัญหาเช่นกัน ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่การปฏิบัติและควบคุมตัวเราเอง อย่าทำผิดกฎหมาย กัญชามีทั้งคุณและโทษ ผมว่าสารสกัดจากกัญชามีประโยชน์ต่อการรักษา ต่างชาติศึกษาเรื่องนี้อย่างหนักและนานมากแล้ว เราสามารถนำงานวิจัยและพัฒนาตรงนี้มาต่อยอดได้ และไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ปลดล็อกกัญชา ดังนั้นเราควรเลือกใช้ในสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์มาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศ สร้างรายได้ให้คนไทยจะดีกว่า ดังนั้นภาครัฐกับ ภาคเอกชน ต้องร่วมมือกันรณรงค์เรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องกัญชาให้กับประชาชน เราจะได้ใช้ประโยชน์จากพืชเศรษฐกิจนี้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม” นายอภิชัย กล่าว