จากกรณี นายสุรัตน์ เศวตศิลป์ อายุ 44 ปี พร้อมพวก 7 คน เข้ามอบตัวคดีร่วมกันฆ่านายโกศล เรืองดุก อายุ 45 ปี นักธุรกิจรับซื้อสัตว์น้ำอาหารทะเลและเรือประมงลากหอย สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจลากหอย โดยก่อนเกิดเหตุ นายสุรัตน์ และนายโกศล ได้พากันไปเคลียร์ปัญหาความขัดแย้งแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จากนั้นนำศพไปฝังบ่อทรายในพื้นที่ ต.กรบ อ.ไชยา กระทั่งรู้ข่าวว่า ตำรวจทราบเบาะแสจึงทำการขุดศพนายโกศลขึ้นมาจากหลุม แล้วนำไปถ่วงด้วยเสาปูนนำออกไปทิ้งทะเลอ่าวไทย บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง เพื่ออำพราง ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 2 ส.ค. พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี รับผิดชอบงานสอบสวน พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ. อรุณพงษ์ ภารพบ ผกก. สภ.ไชยา ร่วมกันแถลงความคืบหน้าในการรับมอบตัวผู้ต้องหา และสอบปากคำ

ทีมอุ้มฆ่า ‘เสี่ยโกศล’ ถ่วงทะเลเข้ามอบตัวแล้ว หลังหลบหนีจับกุมนาน 3 เดือน

พล.ต.ต.สาธิต กล่าวว่า ในการซักถามเบื้องต้น ทราบว่าหลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้แยกย้ายกันหลบหนี มีบางคนที่อยู่ด้วยกัน ส่วนใหญ่หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ควบคุมเสี่ยงสูงของโรคโควิด-19 เมื่อรับมอบตัวแล้วต้องดำเนินการมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุข โดยประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอไชยา เข้าตรวจหาเชื้อกับผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ซึ่งผลการตรวจในเบื้องต้นเป็นลบ แต่ระหว่างที่สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดต้องปฏิบัติตามมาตราการด้านสาธารณสุข ซึ่งการเข้ามอบตัวของผู้ต้องหาในวันนี้ ได้มี ทนายเดินทางมาด้วย 2 คน และขอใช้สิทธิในการถ่ายภาพผู้ต้องหา เป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้

พล.ต.ต.สาธิต กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่ในทางคดีนั้น เรามั่นใจในพยานหลักฐาน โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ เพื่อเป็นพยานหลักฐานทางคดีต่อไป

พล.ต.ต.สาธิต กล่าวด้วยว่า ได้รายงานผลการมอบตัวของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ให้พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดี ทราบแล้ว พร้อมกำชับพนักงานสอบสวนให้สอบสวนคำผู้ต้องหาโดยละเอียด ให้เป็นไปตามขั้นตอนและเป็นธรรมกับทุกๆฝ่าย ส่วนจะมีการให้ประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่นั่น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาระดับสูง เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ ประกอบกับลักษณะการก่อคดีเข้าข่ายเป็นการกระทำของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นไปได้ว่าหากมีการให้ประกันตัวอาจจะไปก่อความยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี

“ในช่วงที่ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนหลบหนี ญาติได้มีการติดต่อมอบตัวอย่างน้อย 3-4 ครั้ง แต่มีเงื่อนไขต่อรองกับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ซึ่งเราไม่สามารถทำได้ และได้มีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามและกดดันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการเข้ามอบตัวครั้งนี้ ได้สอบถามนายสุรัตน์ ทราบว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวในครั้งนี้ เนื่องจากทราบว่า คดีที่ถูกออกหมายจับมีอายุความ 20 ปี ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่หลบหนีนั้น ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อใครไม่ได้ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งได้กำชับให้คณะพนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้ต้องหาให้ละเอียดครบถ้วนและ ให้ทันภายในกฎหมายกำหนด

ด้านนายธีระศักดิ์ อินทจักร อายุ 50 ปี พี่ชายต่างบิดา และนายพุฒิศรัญญู เรืองดุก 26 ปี ลูกชายของนายโกศล กล่าวว่า ทราบข่าวจากตำรวจว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย เข้ามอบตัวแล้ว นับว่าเป็นความคืบหน้าหลังคดียืดยื้อมา เกือบ 100 วัน และยังมีความหวังว่า ตำรวจจะสามารถสอบสวนปากคำจนกลุ่มผู้ต้องหาชี้เบาะแส นำไปสู่การการพบศพของนายโกศล ที่พวกตนเชื่อว่า เหลือเพียงกระดูก เพื่อนำมาทำพิธีทางศาสนา ส่วนเรื่องคดีให้เป็นไปตามกระบวนการ พวกตนยังมีความเชื่อมั่นในตำรวจ แต่ไม่มั่นใจในความปลอดภัย และเตรียมยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะหากมีการให้ผู้ต้องหาประกันตัวออกมา พวกตนจะรู้สึกไม่มีความปลอดภัย เพราะเป็นที่ทราบกันว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นบุคคลอันตราย พวกตนไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง.