เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี​ ทนายความ​ ได้พา​ผู้เสียหายที่เป็นอดีตข้าราชการบำนาญ อายุ 68 ปี พร้อมลูกสาว นำหลักฐานสลิปการโอนเงิน ข้อความการแชตไลน์ และเลขบัญชีธนาคารพร้อมระบุชื่อเจ้าของบัญชีเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. หลังถูกอดีตเพื่อนข้าราชการที่รู้จักกันมานานกว่า 30 ปี หลอกยืมเงินและให้โอนเงินรวม 112 ครั้ง กว่า 3.6 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. 64 ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา แต่ผ่านมานานกว่า 6 เดือน คดีไม่คืบหน้า จึงเรียกร้องอยากให้มีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.ดนู กล่ำสุ่ม รองผู้บังคับการกองกฎหมาย เวรอำนวยการ เป็นคนรับเรื่อง

อดีตข้าราชการบำนาญผู้เสียหาย กล่าวว่า รู้จักกับเพื่อนร่วมงานมา 30 ปี จึงให้ยืมเงินเพราะเห็นว่าที่บ้านมีฐานะ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยยืมเงินมาก่อนจึงเชื่อว่ามีความจำเป็นและเดือดร้อนจริงๆ จึงให้ยืมเงินครั้งแรก 21,000 บาท เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 64 ต่อมาก็มีการขอยืมเงิน 7-8 ครั้งรวมกว่าแสนบาท ก่อนที่จะนำบุคคลที่สามที่อ้างว่าต้องการความช่วยเหลือเพื่อยืมเงินไปวิ่งเต้นคดีมรดกกว่า 29 ล้านบาท โดยอ้างว่าใช้เวลาไม่นานก็จะได้เงินคืน และให้ตนเองคิดดอกเบี้ยและจ่ายเงินให้ภายหลัง พร้อมกับอ้างว่าเพื่อนสนิทคนดังกล่าวก็ให้ยืมบุคคลที่สามยืมไปมากกว่าตนเองถึง 5-6 ล้านบาท ทำให้ตนเองรู้สึกมั่นใจ จึงยินยอมให้ยืมเงินตลอดมารวมกว่า 3.6 ล้าน โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชี 3 บัญชี

ทั้งนี้ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีกังวลและเอะใจเพราะเป็นเงินจำนวนมาก จึงได้มีการทวงถามแต่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาก็ใช้กลอุบายหลอกล่อและประวิงเวลาด้วยการให้ไปพบที่ศาลและธนาคารว่าคดีมรดกเสร็จสิ้นแล้วให้ไปรับเงิน แต่เมื่อถึงเวลากลับบ่ายเบี่ยงว่าเอกสารยังไม่พร้อมให้เลื่อนไปก่อน จนกระทั่งลูกสาวได้ตรวจสอบพบว่าไม่มีเลขคดีมรดกตามที่มีการฟ้องคดีมรดก จึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอก ก่อนที่จะไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อไปทวงถามที่บ้านฝ่ายสามีของเพื่อนที่เป็นอดีตตำรวจ ก็พยายามพูดจาข่มขู่และอ้างว่าไม่มีสัญญายืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษร และขู่จะดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทด้วยหากไม่หยุด พร้อมยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ถูกคนสนิทมาหลอก และต้องสูญเสียเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตจนเงินในบัญชีหมด อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ดีและป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยาตลอด และอยากฝากถึงคนที่มาหลอกยืมเงินไปให้เอาเงินมาคืน

ด้าน ทนายความ กล่าวว่า หลังมีการแจ้งความ พนักงานสอบสวนไม่มีการเชิญผู้เสียหายหรือผู้เกี่ยวข้องทางคดีไปสอบปากคำแต่อย่างใด ซึ่งเห็นว่าคดีผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือน ไม่มีความคืบหน้าเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ถูกกล่าวหารายนี้มีประวัติคดีฉ้อโกงหลายคดีในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

ด้าน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวหลังจากทราบเรื่อง ได้มีการนัดหมายผู้เสียหายเข้าไปพบตัวเองในวันจันทร์ที่ 27 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อสอบถามรายละเอียด รวมถึงเชิญพนักงานสอบสวนคดีมาให้ข้อมูล ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย.