นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการ ท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทอ่อนค่า ส่งผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย เพราะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินได้มากกว่าเดิม แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวได้มากน้อยเท่าใดนั้น ยังคงต้องประเมินสถานการณ์ก่อน เพราะทั้งไทยและประเทศต้นทางต่างกำลังเริ่มทยอยประกาศเปิดประเทศ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศยังชะลอตัวอยู่ 

อย่างไรก็ตามหลายประเทศทั่วโลกอยู่ระหว่างการปรับตัวหลังเศรษฐกิจภายในประเทศกำลังฟื้นตัว ยังต้องเผชิญกับสภาวะราคาพลังงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติลง นอกจากนั้นยังต้องปรับปรุงและฟื้นฟูโครงสร้างในการทำงาน หรือหารายได้ฟื้นคืนมามากกว่า เพราะโควิด-19 ที่ระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างมาก ประกอบกับราคาสินค้าและบริการที่ปรับราคาขึ้น จากปัจจัยลบดังกล่าวทำให้การเดินทางท่องเที่ยวยังไม่คล่องตัวมากนัก

ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง อาจส่งผลให้คนไทยที่วางแผนจะเดินทางเที่ยวต่างประเทศชะลอแผนการเดินทางออกไปก่อน เพราะต้องใช้จ่ายเงินมากขึ้นในการท่องเที่ยว แต่คงไม่ได้มีผลมากนัก เพราะคนที่ไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็มีศักยภาพในการใช้จ่ายอยู่แล้ว หากสามารถไปเที่ยวได้ก็คงไม่ได้กังวลอะไรนักอย่างก็ตามคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของไทย จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากกว่า 3 ไตรมาสแรกของปีอย่างมีนัย 

ทั้งนี้ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย 5 อันดับแรก ที่เป็นตัสวเลขสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-22 มิ.ย. 65 เดินทางมาจากประเทศอินเดีย จำนวน 204,427 คน ประเทศมาเลเซีย 167,524 คน สหราชอาณาจักร 117,669 คน สิงคโปร์ 114,161 คน และ สหรัฐอเมริกา 97,792 คน