เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตถูกน้องชายต่างบิดาใช้ไม้ตี เพราะไม่พอใจไม่ยอมแบ่งที่ดินให้ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่วัดธรรมสมบูรณ์ ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่บำเพ็ญกุศศลนายไสว (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้ามีญาติๆและเพื่อนบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น สอบถามทราบว่า ถูกนายอนุเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี น้องชายต่างบิดา ใช้ไหม้หน้าสามตีตามลำตัวหลายแห่งต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดวันที่ 20 มิ.ย.แต่นายไสว ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนญาตินำตัวมาบำเพ็ญกุศลดังกล่าว

สอบถามป้าผู้ตายเบื้องต้นเล่าให้ฟังว่า คนก่อเหตุคือน้องชายต่างบิดาของผู้ตายเอง โดยพ่อผู้ตายเสียชีวิต ส่วนพ่อคนก่อเหตุหายสาบสูยไป โดยทั้่งสองอาศัยอยู่กับตาหลังแม่มาเสียชีวิตไปอีกคน กระทั่งต่อมา ตาได้โอนที่ดิน 1 ไร่ ให้กับผู้ตายเพราะตัวผู้ก่อเหตุมักไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ก่อนตาเสียชีวิตเมื่อประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมาเคยสั่งเสียไว้ว่าให้แบ่งกันคนละครึ่ง บ้านคนละหลังที่ให้ต่างคนต่างอยู่ แต่ต่อมาน้องชายกลับมาทราบเรื่องก็ไม่พอใจคิดว่าตาโอนให้ผู้ตายฝ่ายเดียว จึงออกจากบ้านไปทำงานต่างจังหวัด ปล่อยบ้านที่อาศัยทิ้งรกร้าง ผู้ตายจึงเข้าไปปรับปรุงให้คนเช้า ตั้งใจเก็บเงินค่าเช่าไว้ให้น้องชายที่ก่อเหตุไว้ใช้

กระทั่งผู้ก่อเหตุกลับมาทราบเพียงว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติดจนไปก่อเหตุลักทรัพย์แล้วถูกจับเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำมาได้ประมาณ 3 เดือน แล้วกลับมาอยู่บ้านโดยตลอดเวลาได้พยายามทวงถามเรื่องการแบ่งที่ดิน ซึ่งผู้ตายก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยกให้แต่เพียงบอกไปว่าให้ไปทำงานหาเงินเก็บมาเป็นค่าโอนที่ดินก่อนแล้วจะโอนให้ทัน ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจมาอย่างต่อเนื่องคิดว่าจะไม่ให้ กระทั่งวันเกิดเหตุวันที่ 20 มิ.ย. ผู้ตายขับรถมาหาตอนแรกคิดว่าจะเอาปลามาฝากเหมือนทุกครั้ง แต่พอลงจากรถเห็นผู้ตายเลือดอาบเต็มใบหน้า พร้อมบอกว่า น้องชายต่างบิดาใช้ไม่ทุบตีขณะนอนหลับอยู่ในเปลยวนที่บ้าน จนสะดุ้งตื่นหลบหนีมา จึงรีบพาไปโรงพยาบาลรักษาตัวอยู่ 3 วันก็เสียชีวิตดังกล่าว ส่วนตัวน้องชายหลังก่อเหตุถูกตำรวจจับส่งฟ้องศาล ไม่มีใครไปประกันตัวเพราะรู้กันทั้งหมู่บ้านว่าเป็นคนเกเร เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป