เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2565” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย.2565 จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 2,500 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 25.28 ระบุว่า เป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร และเป็นบุตรสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 18.68 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 13.24 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบอุดมการณ์ทางการเมือง และชื่นชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 11.68 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ นโยบายสามารถช่วยเหลือประชาชนได้จริง และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 5 ร้อยละ 6.80 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะชื่นชอบผลงานในอดีต มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ

อันดับ 6 ร้อยละ 6.60 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง น่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์สุจริต และเชื่อมั่นในการทำงาน อันดับ 7 ร้อยละ 4.20 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพราะ มีความรู้ ความสามารถ ตั้งใจในการทำงาน ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบแนวคิดและทัศนคติในการทำงาน อันดับ 8 ร้อยละ 3.76 ระบุว่า นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 9 ร้อยละ 2.92 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนที่พูดจริงทำจริงและมีความน่าเชื่อถือ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 10 ร้อยละ 1.68 ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพราะ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นคนที่พูดจริงทำจริงและมีความน่าเชื่อถือ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เชื่อมั่นในการทำงาน

อับดับ 11 ร้อยละ 1.56 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา และชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 12 ร้อยละ 1.52 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบนโยบายพรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 2.08 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) ดร.อภิชาติ ซำศิริพงษ์ (พรรคพลังประชารัฐ) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) และนางช่อทิพย์ ส่งวัฒนา

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/65 เดือน มี.ค. 2565 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) และนายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.36 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 18.68 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย อันดับ 3 ร้อยละ 17.88 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 7.00 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 5 ร้อยละ 6.32 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.04 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.96 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 8 ร้อยละ 2.68 ระบุว่าเป็น พรรคกล้า อันดับ 9 ร้อยละ 2.56 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 2.52 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยภักดี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/65 เดือน มี.ค. 2565 พบว่า ผู้ที่ระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย และพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคกล้า และพรรคภูมิใจไทย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.64 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 26.16 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.04 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.48 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.68 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 48.16 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.84 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 13.20 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.80 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.20 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.56 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.24 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 94.88 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.76 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 0.72 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 0.64 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 30.88 สถานภาพโสด ร้อยละ 65.96 สมรสแล้ว ร้อยละ 2.84 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่และร้อยละ 0.32 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส

ตัวอย่าง ร้อยละ 27.84 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 32.64 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7.80 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.08 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.20 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 0.44 ไม่ระบุการศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 8.64 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.32 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.32 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 13.20 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.36 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.12 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 7.52 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 0.52 ไม่ระบุอาชีพ

ตัวอย่าง ร้อยละ 22.20 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 21.24 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 28.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.68 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป ในสัดส่วนที่เท่ากัน และร้อยละ 9.52 ไม่ระบุรายได้