เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. น.ส.ณิชชา บุญลือ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า หลังผ่านการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. สมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนได้เดินหน้าทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสนาม กทม. ถือเป็นจุดเริ่มต้น เป็นการอุ่นเครื่องสู้ศึกใหญ่ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พร้อมปรับกลยุทธ์และทิศทางเพื่อสอดคล้องกับนโยบายที่สามารถทำได้จริงของพรรค ทสท. และการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพรรค ทสท. ที่เราจะไม่หยุดนิ่งเราจะทำงานเพื่อคนตัวเล็กอย่างเข้มแข็งโดยเฉพาะ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรค ทสท. ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งทุกนโยบาย จะมีแนวร่วมที่เข้ามาสนับสนุนมากขึ้น เช่น การทำสมาชิกบำนาญประชาชนเดือนละ 3 พันบาท

“พรรค ทสท.จะขอทำงานไม่สนคำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น หรือความพยามดิสเครดิตนโยบาย ดิสเครดิตประธานพรรค ทสท. ซึ่งสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าพวกเขาต้องการผู้นำแบบไหน ต้องการประเทศเป็นแบบไหน เวลานี้เราทนอยู่กับอำนาจเผด็จการ ทนเห็นประเทศถอยหลัง มา 8 ปี แล้วถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะเลือกด้วยหัวใจว่าใครจะเป็นผู้นำประเทศของคนไทยทุกคน และดิฉันก็มั่นใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์มุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเท เพื่อดูแลคนตัวเล็ก จะสามารถเข้าไปเป็นทางเลือกใหม่ทางรอดของประเทศได้” น.ส.ณิชชา กล่าว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์และทีมไทยสร้างไทย นำโดยนายภัชริ นิจสิริภัทร คณะกรรมการนโยบายพรรค จัดแคมเปญ ช่วยบรรเทาทุกข์ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน สืบเนื่องจากสถานการณ์ของกินของใช้ราคาน้ำมันสิ่งของเพื่อการอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พรรคทสท.ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กเป็นอย่างดี จึงได้นำน้ำมันพืช ซึ่งเป็นสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในครัวเรือนมาลดราคา จากเดิม น้ำมันพืชคุณภาพดีราคาประมาณ 70 บาทต่อ 1 ขวด เหลือเพียง 50 บาทต่อ 1 ขวดเท่านั้น โดยให้ประชาชนสามารถซื้อหาได้คนละไม่เกิน 2 ขวด 100 บาท

ทั้งนี้ แคมเปญช่วยบรรเทาทุกข์ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือ โครงการนำร่อง ที่มีน้ำมันพืช จำนวน 1,200 ขวดมาจำหน่ายเพื่อกระจายให้ถึงมือพี่น้องชาวชุมชนย่านวัดประยูร เขตธนบุรี และทีมไทยสร้างไทยคาดหวังว่าโมเดลดังกล่าว จะต่อยอดไปยังประชาชนได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์วิกฤตข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ และคาดหวังว่าผู้มีอำนาจจะเร่งแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นแทบทุกรายการรวมถึงราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง หรือไม่เพื่อให้ประชาชนสามารถอยู่ได้.