เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2565” ระบุ บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ร้อยละ 25.28 คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.36 ระบุว่าเป็นพรรค พท. ว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สะท้อนผ่านนิด้าโพล ว่าเชื่อมั่นในพรรคพ ท. พรรค พท.จะไม่ลิงโลดใจ หรือชะล่าใจ จะมุ่งเน้นทำงานหนักเพื่อนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน

เราจะให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายที่ทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น ผ่านนโยบายสำคัญ อาทิ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจอาหารโลกเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของโลก (food security) พลิกโฉมภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยี ระบบน้ำ ดิน ทุนออกแบบกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งระบบ ปรับหนี้เกษตรกร ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นโยบายหาเสียงพรรคไหนก็ประกาศได้ แต่พรรคที่หาเสียงและประกาศไว้แล้วสามารถทำได้จริงคือพรรค พท. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแ ละรมว.กลาโหม ต้องไปสำรวจตัวเองและสารภาพความจริงกับประชาชนว่าเหตุใดจึงไม่สามารถผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ให้เป็นจริงได้เลยทั้งที่เป็นพรรคแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะปลดปล่อยพันธนาการที่ผูกมัดและฉุดรั้งประชาชน ปล่อยให้ประชาชนได้เลือกนายกฯผ่านส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา การโหวตเลือกนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า ควรเป็นหน้าที่เฉพาะ 500 ส.ส.ที่ยึดโยงและมีที่มาจากประชาชนเท่านั้น พรรค พท.และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เสนอแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ปิดสวิตช์ส.ว.โหวตเลือกนายกฯมาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์เชื่อในประชาชน ขอให้แสดงสปิริตประกาศสัตยาบัน จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เพื่อให้ได้นายกฯตามเจตนารมย์ของประชาชนอย่างแท้จริง

“ยิ่งสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งลดต่ำลง สอดรับกับการไร้ผลงาน เวลาที่เหลืออยู่ ควรแสดงสปิริตเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปิดสวิตช์ส.ว.ไม่ให้โหวตเลือกนายกฯ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เฉพาะ 500 ส.ส.ผู้แทนของประชาชนโหวตเท่านั้น” นายอนุสรณ์ กล่าว.

ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ยังเปิดให้ ส.ว. โหวตนายกฯเหมือน ส.ส. ทั้งๆ ที่ ส.ส. คือคนที่เป็นตัวแทนของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เคยสนอแก้ในสภาฯหลายครั้ง แต่ยังไม่สำเเร็จ ที่พูดไม่ใช่เรื่องตัวบุคคลที่เป็น ส.ว. แต่ตนเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญและเป็นเรื่องหลักการประชาธิปไตย การแก้ไขมีข้อดีมากมาย เช่น 1.ทำให้ประชาชนพิจารณาเลือกผู้นำทางการเมืองจากความรู้ความสามารถ กรณีการเลือตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นชัดเจน การได้คนตรงใจประชาชนมันดีอย่างที่เห็น 2.การได้รับความเห็นชอบในสภาฯ ทำให้การเข้าสู่ตำแหน่งสง่างาม เป็นประชาธิปไตย ไร้ข้อครหา 3.เป็นการเคารพเจตจำนงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งมีความหมายยิ่งขึ้น ประชาชนหวงแหนสิทธิของตนเอง 4.ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศว่ามีกติกาการเมืองที่เป็นธรรม ไม่ได้ออกแบบเพื่อบุคคลใดคณะใด มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ถ้ามีกติกาที่เป็นธรรมจะทำให้สถานะของประเทศดีขึ้นอย่างแน่นอน พรรค พท.อาจต้องหารือประเด็นนี้ว่าจะดำเนินการร่วมกับพรรคอื่นๆอย่างไร ในอายุสภาที่เหลืออยู่
 
นายนพดลยังกล่าวถึงนิด้าโดลที่คะแนนนิยมของ น.ส.แพทองธารค่อนข้างสูงว่า ตนขอบคุณความเห็นของประชาชน ซึ่งความนิยมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่ถ้าพรรคพท.มีนโยบายที่ตอบโจทย์และความคาดหวังของประชาชนแล้ว และรู้ปัญหา มีแนวทางแก้ และประชาชนเชื่อว่าแก้ได้ การสนับสนุนน่าจะเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นไปอีก แต่ฟังว่าทุกฝ่ายในพรรค พท.ไม่ได้ประมาท คงต้องทำงานต่อเนื่องต่อไป ผลที่แท้จริงคือคะแนนในวันเลือกตั้ง