เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 13.00 น. ที่ห้องประชุม พีซทีวี คณะหลอมรวมประชาชน จัดเสวนาสาธารณะประเทศต้องมาก่อน ตอน “ทวงคืนพลังงานให้ประชาชน” นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมคณะ และนายนิติธร ล้ำเหลือ กลุ่มประชาชนคนไทย พร้อมทั้งนักเคลื่อนไหว และตัวแทนกลุ่มเครือข่ายต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาพลังงาน อาทิ ตัวแทนวินจักรยานยนต์ ตัวแทนคนขับแท็กซี่ ตัวแทนเครือข่ายธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตัวแทนสมัชชาชาวนาผู้ไร้ที่ทำกิน ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย

นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน กล่าวว่ารัฐบาลถูกครอบงำจากกลุ่มทุนพลังงานอย่างชัดเจน เพราะเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ที่ค่ากลั่นน้ำมันแพงถูกเปิดเผย แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้เลย นอกจากนั้นตัวแทนประชาชนในสภา ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างเงียบ ไม่มีใครพูดเรื่องน้ำมัน ไม่มีใครออกมาต่อสู้เพื่อประชาชนในเรื่องพลังงาน แสดงว่านอกจากกลุ่มทุนพลังงานจะเป็นเจ้าของรัฐบาลแล้ว ยังเป็นเจ้าของสภา นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน บริหารน้ำมันแพงก๊าซแพงแต่ไม่ถูกอภิปราย เหมือนประชาชนถูกรัฐบาลข่มขืนแล้วถูกฝ่ายค้านรุมโทรมอีก

นอกจากนั้นยังพบว่าในปี 50-54 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยได้ผลประโยชน์จากโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ในฐานะกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์จึงรู้เรื่องค่ากลั่น แต่ไม่พูดเรื่องนี้เพราะเคยได้ผลประโยชน์จากเขา นอกจากนั้นตอนที่ยึดอำนาจมีอำนาจเต็มในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์ แต่ไม่เคยออกคำสั่งช่วยเหลือประชาชนเรื่องพลังงานแม้แต่คำสั่งเดียว นอกจากนั้นยังมีการยกเลิกราคาควบคุมก๊าซ ทำให้ราคาก๊าซแพงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคที่สุดในการปฏิรูปพลังงาน ทวงคืนพลังงานให้กับมาเป็นของประชาชน อุปมาเหมือนว่าเจ้าสัวนายทุนพลังงานกำลังปล้นประชาชน ดังนั้นการจะกำจัดโจรต้องกำจัดหัวหน้าโจรที่ปล่อยให้มีการปล้นประชาชนคือ พล.อ.ประยุทธ์ โดยต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคน อย่างไรก็ตามภารกิจนี้ไม่ใช่เพื่อพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด แต่เป็นภารกิจเพื่อประชาชน

ทางด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักเคลื่อนไหวด้านการปฏิรูปพลังงานไทย กล่าวว่าทุกครั้งที่มีการปฏิวัติมักจะมีการแก้กฎหมายพลังงานตามมาด้วยเสมอ โดยการปฏิวัติของ พล.อ.ประยุทธ์ในปี 57 มีการยกเลิกกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม ทั้งที่ประเทศไทยผลิตก๊าซได้เกินความต้องการของคนในประเทศกว่า 1 ล้านตัน แต่กลับมีการยกเลิกกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม และให้สมมุติว่าโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซไปอยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย มีการบวกค่าขนส่ง บวกค่าใช้จ่ายขึ้นอีกมหาศาล ทั้งที่ก๊าซอยู่ในประเทศไทย และเพียงพอให้คนไทยใช้ แต่วันนี้มีการจัดสรรก๊าซใหม่ให้ปริโตรเคมีได้ใช้ก๊าซก่อนจึงทำให้ก๊าซถูกใช้เกือบหมด แล้วคนไทยต้องไปใช้ก๊าซแพงจากโรงกลั่นที่ผูกโยงราคากับซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ประเทศมาเลเซียมองว่าทรัพยากรเป็นของปวงชนมาเลเซีย จึงมีบรรษัทพลังงานแห่งชาติมาบริหารจัดการ หากได้กำไรเยอะก็จ่ายคืนให้กับประเทศ ไม่มีราคาสมมุติเหมือนไทย แต่เป็นราคาตามต้นทุนที่แท้จริง ทั้งนี้การแก้ปัญหาควรให้ก๊าซกลับไปกำหนดราคาก๊าซตามเดิม และกำหนดค่าการกลั่นที่ 2 บาทต่อลิตร ในที่สุดแล้วเราควรจะเป็นแบบมาเลเซีย ดังนั้นเราต้องการนายกฯที่มีความกล้าหาญ และทนต่อสิ่งเย้ายวนเรื่องผลประโยชน์พลังงาน

ขณะที่ นิติธรกล่าวว่า ปัญหาพลังงานเกิดจาก 3 กลุ่มคือรัฐบาลเลว ทหารชั่ว และทุนสามานย์ ปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มต้นตั้งแต่กฎหมาย โดยรัฐธรรมนูญระบุว่าอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ปิโตรเลียมไทยเป็นของรัฐ ดังนั้นจึงอยู่ในอำนาจนายทุน และอำนาจทหาร สิ่งที่ต้องแก้เริ่มต้นในเรื่องนี้ต้องแก้ให้ปิโตรเลียมเป็นของประชาชนเช่นเดียวกับอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย อย่างไรก็ตามการต่อสู้วันนี้จะถูกส่งไปวันที่ 3 ก.ค. ทั้งนี้ต้องเลิกสู้ด้วยอุดมการณ์การรับใช้นักการเมือง ซึ่งประชาชนไม่มีทางชนะ แต่ต้องสู้ในฐานะเจ้าของอธิปไตยและเจ้าของประเทศ เป้าหมายคือการเปลี่ยนแปลงประเทศ เอาความเป็นเจ้าของทุกอย่างกลับคืนประชาชน โดยคนที่จะรักษาก๊าซ รักษาน้ำมัน และรักษาประเทศไว้ได้คือประชาชน แต่ถ้าไม่สามัคคีรวมกันสู้ก็ต้องอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์

ส่วน นายจตุพรกล่าวปิดเสวนาว่า สถานการณ์ของประเทศในขณะนี้หากคนไทยคิดแต่เรื่องเฉพาะตัว เอาอารมณ์ความรู้สึกเฉพาะตัว เราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ วันนี้ทุนพลังงานครองประเทศไทย ใหญ่จนเหนืออำนาจทั้งปวง บงการได้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน วันนี้ไม่ว่าจะมีความเชื่อทางการเมืองอย่างไร ทุกคนต่างเติมน้ำมันแพง ต่างต้องซื้อสินค้าแพงกันทั้งหมด ทั้งนี้ตนเชื่อว่าเราจะฝากความหวังไว้กับใครไม่ได้ ต้องฝากความหวังไว้กับตัวเองเท่านั้น วันนี้จึงชวนพี่น้องว่าหากเราต้องการน้ำมันถูกลง สินค้าถูกลง จากปัญหาการฉ้อฉลทั้งหลาย หากเราออกมาต่อสู้ทวงคืนพลังงานและความชอบธรรมทั้งหมดให้กับคืนสู่ประชาชน ซึ่งวันที่ 3 ก.ค.จะเป็นด่านที่สำคัญมาก โดยในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เราจะไปพบพล.อ.ประยุทธ์อีกครั้ง เพื่อทวงคำตอบอีก 8 ข้อเรื่องพลังงาน จากนั้นวันที่ 1 ก.ค.จะไปทวงถามปตท. ว่าทำไมยังไม่ลดราคาโรงกลั่น

“ถ้ารัฐบาลไม่มีปัญญา ก็ไม่ควรหน้าด้านนั่งเป็นนายกฯอีกต่อไป เราต้องการผู้นำที่เด็ดขาดและฉลาด ดังนั้นจึงได้เวลาแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงใหญ่ วันนี้ถือเป็นยกแรก คนที่มความทุกข์ยาก ทุกอาชีพ เราไประบายที่ลานคนเมือง ไปสำแดงให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เห็นว่าบัดนี้คนไทยได้ลุกขึ้นต่อสู้แล้ว และแสดงให้เห็นว่าคนไทยจะไม่ยอมให้มีการปกครองที่เอื้อประโยชน์ให้ทุนสามานย์อีกแล้ว หากวันที่ 3 ก.ค.65 ลานคนเมืองแตก รัฐบาลก็จะแตก ประเทศก็จะรอด” นายจตุพร กล่าว