เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 90 วันที่ 28 มิ.ย. 2565 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีทุกหน่วยงาน ตลอดจนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและถวายตาลปัตรแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล นายกรัฐมนตรีจุดเทียนน้ำมนต์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และตัวแทนผู้บริหารในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถวายเครื่องไทยธรรมและปิ่นโต นายกรัฐมนตรีถวายผ้าไตร จำนวน 10 ไตร เสร็จแล้ว พระสงฆ์สวดอนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำ ต่อจากนั้น สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานสงฆ์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์แก่ผู้เข้าร่วมพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นอันเสร็จพิธี

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มอบสารเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 90 วันที่ 28 มิ.ย. 2565 ว่า นับเป็นระยะเวลากว่า 9 ทศวรรษ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินภารกิจในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมีบทบาทสำคัญในการอำนวยการบริหารราชการแผ่นดินผ่านยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประสานการปฏิบัติราชการในทุกระดับ เพื่อนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในทุกมิติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ปี 2565 นับเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยทุกคนที่จะได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยพร้อมเพรียงกัน และขอชื่นชมบุคลากรในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง 27 หน่วยงาน ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญในการร่วมบูรณาการการทำงานที่เป็นไปตามโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและชาติบ้านเมือง พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมการบริการและการบริหารจัดการภาครัฐ ให้ตอบสนองต่อสังคมไทยในยุคชีวิตวิถีใหม่ และพร้อมรองรับความท้าทายในอนาคต ทั้งนี้ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ.