เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เร่งรัดติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำจังหวัดจันทบุรี พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปแผนพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดจันทบุรี และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ผลการดำเนินการโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำคลองวังโตนด และโครงการอื่นๆ ใน จ.จันทบุรี โดยนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน โดยมีนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปข้อมูลภาพรวมของจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี

จากนั้นพล.อ.ประวิตร และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (คลองภักดีรำไพ) และโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำคลองวังโตนด ณ อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว และพบปะประชาชนในพื้นที่ตามลำดับ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามรับทราบสถานการณ์น้ำและแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารและเกษตรกรรมที่สำคัญของไทย โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสำคัญหลายโครงการ เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำในพื้นที่ และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนด ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นอย่างบูรณาการของส่วนราชการ และชุมชนต่างๆ ในลุ่มน้ำคลองวังโตนด ที่ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนา ด้วยการสร้างอ่างเก็บน้ำจำนวนทั้ง 4 แห่ง ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้ว 1 แห่ง คือ อ่างฯ คลองประแกด และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้อีก 2 แห่ง คือ อ่างฯ คลองพะวาใหญ่ และอ่างฯ คลองหางแมว

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ส่วนอีก 1 แห่ง คือ อ่างฯ คลองวังโตนด ขณะนี้ ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน (EHIA) แล้ว อยู่ระหว่างขอใช้พื้นที่ โดยไดัสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการให้ความเห็นชอบการขอใช้พื้นที่ พร้อมทั้งให้กรมชลประทานดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในทุกๆ ด้าน คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2567 โดยมอบหมายให้ สทนช. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการพัฒนาได้ตามแผน และให้ติดตามความก้าวหน้ารายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนดแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนรวม 307.5 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ถึง 249,700 ไร่ และยังมีปริมาณน้ำส่วนเกินผันน้ำไปเติมให้กับอ่างฯ ประแสร์ จ.ระยอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับ EEC ในช่วงฤดูฝนได้อีกปีละประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม ขณะเดียวกัน ยังเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญๆ ในจังหวัดจันทบุรี เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโป่งน้ำร้อน โครงการอ่างเก็บน้ำคลองตาพลาย โครงการอ่างเก็บน้ำ คลองเครือหวาย และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บอ่างเก็บน้ำแก่งหางแมว เป็นต้น อีกด้วย

ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ สทนช.เร่งรัดประสานการปฏิบัติ และติดตามหน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นไปตามแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี พร้อมบูรณาการกับกรมชลประทาน พิจารณาจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรีฝั่งตะวันตก (คลองน้ำใส) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ด้านตะวันตกของเมืองจันทบุรีในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี เทศบาลเมืองท่าช้าง เทศบาลค่ายเนินวงศ์ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าช้าง ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างยั่งยืน.