เมื่อเวลา 08.59 น. วันที่ 28 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กำหนดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าตลอดสายไม่เกิน 59 บาท ว่ายังจะต้องรอดูความชัดเจน ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะต้องไปพิจารณาตั้งแต่ต้นเรื่อง เหมือนกับเราสวมเสื้อถ้าเรากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดทุกเม็ด อย่ามาดูปลายทางขอให้ดูต้นทาง ไปดูจุดเริ่มต้นของการก่อหนี้ว่าทำถูกตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ ตอนนี้ไม่รู้ว่ากลัดกระดุมเม็ดที่เท่าไหร่ คนหลังมากลัดกระดุมต่อจะผิดไปเรื่อยๆ และเรื่องนี้ ไม่น่าใช่เรื่องของกระทรวงคมนาคม เราเชิญประชุมตลอด ซึ่งปลัดกระทรวงคมนาคมได้เชิญปลัดกรุงเทพมหานคร เคยหารือร่วมกันแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุป เพราะเอกสารที่กระทรวงฯ เคยขอไปยังไม่ได้รับ โดยเฉพาะเรื่องสัญญา ย้ำว่าเรื่องทุกเรื่องถ้าดำเนินตามการตามกฏหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เราต้องมีหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส รับฟังความเห็นประชาชนว่า จะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว เราได้มีข้อท้วงติงว่าให้ดำเนินการให้ครบตามนี้ ก็คงต้องรอกรุงเทพฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร

หากจะให้ปัญหายุติลงโดยเร็วนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าราชการฝ่ายประจำที่จะแก้ไข ตนได้มอบนโยบายให้ ไม่เคยไปขัดขวางอะไรที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่ถูกต้องก็ต้องแสดงความคิดเห็น ส่วนมีการทักท้วงที่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โอนหนี้มาให้กรุงเทพมหานครนั้น จะต้องแยกว่า หนี้ใดถูกต้อง หนี้ใดไม่ถูกต้อง ไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ภายใต้กฎหมาย  ซึ่งจะต้องไปดูว่าใครทำใครละเมิดใคร ถ้าบอกว่าเป็นเอกชน เอกชนต้องฟ้องเอกชนไม่เกี่ยวกับรัฐ แต่ถ้าเป็นรัฐก็ว่ากันไป มีระเบียบกระบวนการการดำเนินการอยู่แล้ว และมั่นใจว่า นายชัชชาติ จะสามารถแก้ไขปัญหาจัดการได้ เนื่องจากมีความสามารถ และเคยดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม มาก่อน

นอกจากนี้ นายศักดิ์สยาม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวนายไชยชนก ชิดชอบ บุตรชายนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เตรียมลงสมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ในการเลือกครั้งหน้าว่า มีการพูดคุยกันจริง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้งและมีจำนวน ส.ส.เพิ่มเป็น 10 คน  แต่ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะสามารถกวาดได้ทั้ง 10 คนหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน เราก็ทำงานเต็มที่

เมื่อถามย้ำว่าบุรีรัมย์เป็นพื้นที่เข้มแข็งของภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าไม่ใช่แค่บุรีรัมย์ แต่เราตั้งใจทำงานทั้งประเทศ สุดท้ายอยู่ที่ประชาชนตัดสิน ส่วนกังวลเรื่องผลสำรวจของนิดาโพลที่พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนไม่ดีนัก นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เป็นการสำรวจ ณ เวลานี้ ซึ่งมีหลักในการสำรวจ และหลายสำนัก สิ่งที่ทำมาจะต้องนำไปวิเคราะห์จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แล้วแต่คนแต่พรรคภูมิใจไทยเราก็ทำงาน อย่างไรก็ตามในส่วนพรรคภูมิใจไทยเราได้มีการทำผลสำรวจโพล แต่ไม่ได้ทำทั่วประเทศ ทำแค่จังหวัดที่เราคิดว่าจำเป็นทำ ส่วนคิดว่าผลโพลของพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาจะได้ที่นั่งเท่าไหร่นั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ยังทำไม่ครบ และผลโพลดีกว่าโพลที่ออกมาในตอนนี้

ทางด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเห็นด้วยที่ต้องเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย 2 ช่วง เพื่อความเป็นธรรม แต่อยากให้ท่านลองทบทวนเรื่องราคา ให้ถูกลงกว่าเดิม เพราะท่านเคยพูดบนเวที เสวนาของ สภาองค์กรของผู้บริโภค ในหัวข้อ “รถไฟฟ้าต้องถูกลง ทุกคนต้องขึ้นได้ ผู้ว่าฯ กทม.ช่วยได้หรือไม่” โดยท่านระบุว่า ราคาค่าโดยสารเป็นไปได้จะอยู่ที่ 25-30 บาท นั่นเท่ากับว่าท่านน่าจะมีแนวทางให้เป็นไปตามราคานี้แล้ว มิเช่นนั้น ท่านคงไม่พูดออกมา ตอนนี้โอกาสมา ก็ขอให้ทำเลย เพื่อความสุขพี่น้องประชาชน

นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่าขอฝากแนวทางการพิจารณาเพิ่มเติม 3 ประเด็น คือ 1.ความครบถ้วนสมบูรณ์ ของสัญญา ท่านจะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมายพระราชบัญญัติเอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ ซึ่งต้องมีการประมูลที่โปร่งใสได้หรือไม่ เพราะเมื่อท่านไปคุยกับบริษัทกรุงเทพธนาคม วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร แล้วจะต้องดำเนินการตามตัวบทกฎหมายใช่หรือไม่ 2.ตั๋วโดยสารร่วม ท่านจะสามารถดำเนินการเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้หรือไม่ และ 3.ความชัดเจนเรื่องอายุสัญญาสัมปทานท่านจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร ปัจจุบันสัญญาจะสิ้นสุดในปี 2572 หากจะต้องต่อสัญญาออกไปอีกตามข้อเสนอเดิมจะผูกพันประชาชนผู้ใช้บริการ อีก 1 เจนเนอเรชั่น