เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงการจ่ายยาโมนูลพิราเวียร์ ให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่มีอาการเล็กน้อยว่า ทางกรมการแพทย์ได้ออกแนวทางเวชปฏิบัติในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยโควิด-19 (CPG) อย่างชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการปรับปรุงแนวทางมามากกว่า 10 ครั้งแล้ว สำหรับยาโมนูลพิราเวียร์ จะจ่ายให้กับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งพิจารณาร่วมกับปัจจัยเสี่ยง โดยไม่แนะนำให้ในผู้ป่วยที่มีอาการมากแล้ว เพราะไม่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ หากอาการรุนแรงมากแล้วก็จะให้ยาฉีด

“ข้อมูลผู้ป่วยเป็นความลับ แต่หากประเมินด้วยสายตาทุกคนก็เห็นว่า ท่านรองนายกฯ น้ำหนักเกินเข้าข่ายว่าอ้วน และมีอาการเล็กน้อยเข้าข่ายการจ่ายยาโมนูลพิราเวียร์ และเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์” นพ.สมศักดิ์กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นการให้ยาตามเกณฑ์ไม่ใช่เรื่องสิทธิพิเศษหรือไม่ นพ.สมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ซึ่งสามารถเข้าไปดูตามเกณฑ์การให้ยาของกรมการแพทย์ได้ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีความเสี่ยงและอาการน้อยมาก เราก็จะจ่ายเป็นยาฟาวิพิราเวียร์ แต่หากอาการเล็กน้อยแต่มีปัจจัยเสี่ยง อย่างกรณีของท่านรองนายกฯ ที่มีปัจจัยเรื่องน้ำหนัก ซึ่งแพทย์ที่ดูแลก็ประเมินแล้วว่าเข้าข่ายได้ยาโมนูลพิราเวียร์

เมื่อถามถึงเกณฑ์ความจำเป็นการใช้ยา นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า หากไม่มีอาการอะไรเลยและไม่มีปัจจัยเสี่ยง ก็จ่ายยาตามอาการ หรือยาฟ้าทะลายโจร หากเริ่มมีอาการเล็กน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคประจำตัว โรคอ้วน ก็จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ และหากอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคอ้วน หรือเป็นกลุ่ม 608 จะให้ยาต้านไวรัส เช่น ยาโมนูลพิราเวียร์ แพกซ์โลวิด และกรณีที่เชื้อลงปอดแล้ว ก็จะพิจารณาให้ยาฉีดร่วมกับยาสเตียรอยด์บางตัว

“กรณีของท่านรองนายกฯ ยืนยันอีกครั้งว่า คุณหมอที่ดูแลประเมินแล้วว่าเข้าข่ายให้ยาโมนูลพิราเวียร์ ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์อะไรเป็นพิเศษ” นพ.สมศักดิ์ กล่าว.