นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางหมวด 2 (เส้นทางที่มีต้นทางจากกรุงเทพมหานครไปยังต่างจังหวัด) และหมวด 3 (เส้นทางระหว่างจังหวัดที่ไม่มีกรุงเทพมหานครเป็นต้นทางปลายทาง) จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น (อัตราค่าโดยสารปัจจุบัน คิดต้นทุนที่ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 27.09 บาท ขณะนี้อยู่ที่ราคาลิตรละ 34.99 บาท) นั้น

ขบ. ในฐานะนายทะเบียนกลาง จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ในการประชุมในวันนี้ (28 มิ.ย.65) โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วมีมติให้ปรับเพิ่มอัตราค่าโดยสารรถโดยสารประจำทาง หมวด 2 และหมวด 3 ในอัตรากิโลเมตรละ 5 สตางค์ เพื่อประคับประคองผู้ประกอบการขนส่งให้มีรายได้เพียงพอในการบริหารจัดการเดินรถต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ประชาชนได้รับบริการพื้นฐานที่จำเป็น และอัตราค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้น ไม่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากเกินไป โดยการปรับอัตราค่าโดยสารดังกล่าว มีผลใช้บังคับวันที่ 4 ก.ค.65 เป็นต้นไป สำหรับรถโดยสารประจำทางในส่วนภูมิภาคที่วิ่งภายในจังหวัดให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด พิจารณาอัตราค่าโดยสารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภายในจังหวัด

ทั้งนี้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางได้กำชับ ขบ. ให้กำกับดูแลผู้ประกอบการให้จัดการเดินรถเป็นไปตามเงื่อนไข และสอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางของประชาชน อย่างไรก็ตาม ขบ. ได้ประสานสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทยและสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร ให้แจ้งสมาชิกจัดการเดินรถให้เป็นไปตามเงื่อนไขและสอดคล้องกับความต้องการเดินทางของประชาชนต่อไป

ด้านนายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการขนส่งเอกชน และรถร่วม บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้ทราบว่า คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในปรับขึ้นค่าโดยสาร ในอัตรา 5 สตางค์ต่อกิโลเมตร โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป ดังนั้นการที่รัฐช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจต่อไปได้ ในสภาวะที่เกิดวิกฤติน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้

นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์จะปรับลดเที่ยววิ่ง 80% ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหวนั้น ขอให้ทุกบริษัทยกเลิกแผนดำเนินการดังกล่าว และจัดเดินรถตามปกติ สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารต่อไป โดยเฉพาะในเดือน ก.ค.นี้ ที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน คาดว่าผู้โดยสารจะใช้รถโดยสารในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ขอให้ผู้ประกอบการตรวจเช็กสภาพรถให้มีความพร้อมก่อนใช้งานด้วย โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ได้ใช้รถโดยสารเป็นเวลานาน มีจอดนิ่งหรือได้หยุดเดินรถ ต้องมีการบำรุงรักษาให้เรียบร้อยก่อนนำมาให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยกับผู้โดยสาร