เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่กระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือร่วมกับคณะผู้บริหารบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในฐานะผู้รับสัมปทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง มาตรการเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล หรือ รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน จากปัจจุบันอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 17 ถึง 42 บาท เป็น 17 ถึง 43 บาท โดยเพิ่มขึ้น 1 บาท สำหรับการเดินทางสถานีที่ 6, 9, 11 และ 12 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.65 เป็นต้นไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามการปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นดังกล่าว ทางกระทรวงคมนาคม เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร จึงได้ร่วมหารือกับ BEM เพื่อหาแนวทางในการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะค่าครองชีพที่สูงในปัจจุบัน และมีมติคงอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ในราคาเดิม เริ่มต้นที่ 17 บาท สูงสุด 42 บาท พร้อมส่วนลดพิเศษสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ 50% และสำหรับนักเรียน นักศึกษา 10% ของอัตราค่าโดยสารบุคคลทั่วไป ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลในการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน โดยให้เดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ราคาที่เหมาะต่อการครองชีพของประชาชน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เป็นไปตามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย) ได้กำหนดให้ดำเนินการปรับอัตราค่าโดยสารทุกๆ ระยะเวลา 24 เดือน ซึ่งอัตราค่าโดยสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะครบกำหนดการบังคับใช้ตามสัญญาในวันที่ 2 ก.ค.65 ดังนั้นการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จึงได้คำนวณอัตราค่าโดยสารใหม่ตามวิธีการในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บนพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงตามความเป็นจริงของ CPI ซึ่งได้รับแจ้งจากกระทรวงพาณิชย์.