เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โพสต์ข้อความแจ้งประกาศว่า เตือนคนไทยที่จะเดินทางมาหรือพำนักอยู่ในเกาหลีใต้ ห้ามนำเข้า กัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าว เข้ามาในประเทศเกาหลีใต้ แต่หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายของเกาหลีใต้ โดยกรณีลักลอบนำเข้า มีโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หรือตลอดชีวิต กรณีปลูกหรือจำหน่าย มีโทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี กรณีที่มีไว้ครอบครองหรือเสพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และถูกเนรเทศ รวมถึงห้ามเดินทางเข้าเกาหลีใต้อีก

ขณะที่เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แจ้งเตือนคนไทยเช่นกันว่า กฎหมายของสหราชอาณาจักรห้ามการนำเข้ากัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดของพืชดังกล่าว หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5-14 ปี หรือปรับ หรือทั้งปรับและจำ อีกทั้งเพจเฟซบุ๊กสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ประกาศว่าขอแจ้งเตือนคนไทยห้ามนำเข้า กัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้ามาในออสเตรเลีย ขณะเดียวกันถือเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้กฎหมายของรัฐนิวเซาท์เวลส์ และจัดเป็นสารเสพติด ฉะนั้นการนำเข้ามาในประเทศโดยมิชอบ ด้วยกฎหมายของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ถือเป็นความผิด และมีโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามการนำยารักษาโรคที่มีส่วนประกอบของกัญชาเข้ามานั้น จะขึ้นกับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ขอให้ท่านพกใบสั่งยา หรือจดหมายจากแพทย์ติดตัวมาด้วย

นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตไทยอีกหลายแห่ง ทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม แจ้งเตือนเรื่องการห้ามนำเข้ากัญชาและกัญชงด้วยเช่นกัน โดยอินโดนีเซียมีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ตั้งแต่ปรับขั้นต่ำเป็นเงิน 1,000 ล้านรูปเปียห์ (ประมาณ 2,365,060 บาท) โทษจำคุก 5 ปี ถึงตลอดชีวิต โทษสูงสุดคือประหารชีวิต ขณะที่ญี่ปุ่นมีบทลงโทษหลายกรณี โดยกรณีลักลอบนำเข้าหรือส่งออก มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี กรณีจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน ด้านเวียดนามกำหนดโทษปรับระหว่าง 5 ล้าน-500 ล้านด่ง (ประมาณ 7,600-760,000 บาท) และโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดคือประหารชีวิต