นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทไม่สามารถแบกรับต้นทุนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าไหวแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงที่กำไรหายแม้ยังไม่ขาดทุน แต่หากราคาต้นทุนการผลิตยังปรับขึ้นต่อเนื่องเชื่อว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่ภาวะขาดทุนแน่นอน อีกทั้งในการขอปรับขึ้นราคามาม่าในช่วงที่ผ่านมาทางกระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ได้รับอนุมัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของภาครัฐที่ต้องการดูแลค่าครองชีพของประชาชน ทำให้บริษัทต้องขอเข้าไปเจรจาในเรื่องดังกล่าวต่อ หรือยังคงตื๊อต่อไปเพื่อหาทางออกร่วมกัน

“มาม่าต้นทุนขึ้นมาเฉลี่ยหลาย 10% และหากเจาะดูในแต่ละวัตถุดิบบางอย่างขึ้นมาหลายเท่าตัว เช่น แป้งสาลี น้ำมันปาล์ม ที่ใช้ในการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำให้ช่วงนี้มาม่าอยู่ในช่วงที่ลำบาก และหากถามว่าจะแบกรับต้นทุนเหล่านี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่นั้น ในเชิงธุรกิจเราแบกรับไม่ไหวแล้ว ส่วนในเชิงการค้าขายและการดูแลลูกค้าคงจะแบกรับต้นทุนได้อีกไม่นาน หากราคาวัตถุดิบยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอยู่แบบนี้ ยังไงเราก็ลำบาก ซึ่งการขอขึ้นราคาจาก 6 บาท เป็น 7 บาท จริงๆ เป็นราคาที่ใช่ว่าจะดี หากราคาต้นทุนยังปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่หากต้นทุนไม่สูงไปมากกว่านี้ราคาซองละ 7 บาท ก็ยังพอขายได้อยู่”

ขณะที่สินค้าอื่นอย่างผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ถือเป็นอีกกลุ่มที่ขอปรับขึ้นราคาเช่นเดียวกัน เพราะเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ส่วนสินค้าอื่นๆ ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมบริษัทก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด และพยายามตรึงราคาบางส่วนไว้ให้นานที่สุด แต่ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะขึ้นหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จากอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนปีนี้บริษัทจึงเน้นส่งออกสินค้าในต่างประเทศมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ และยังได้จัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 26 นำสินค้าอุปโภค บริโภค มาลดราคาสูงสุด 90% เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตั้งแต่วันนี้-3 ก.ค.65 ที่ ไบเทคบางนา