ก่อนหน้านี้อดีตสามี หนุ่ม ศรราม ได้ออกกฎให้ ติ๊ก กุ้งพลอย อดีตภรรยาตรวจ ATK ก่อนเจอลูกสาวทุกครั้งที่จะได้มาเจอลูกสาว งานนี้ทำเอากุ้งพลอยรู้สึกไม่พอใจและออกมาโพสต์ภาพผล ATK ผ่านอินสตาแกรมสตอรี่ จนเกิดเป็นดราม่าขึ้นมาล่าสุดกุ้งพลอยได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านรายการโต๊ะหนูแหม่ม พร้อมยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากับหนุ่ม ศรราม เพราะคนกลางอีกด้วย

ติ๊ก เผยว่า “เรื่องดราม่าชีวิตหนูเจอดราม่าเป็นเรื่องปกติแล้ว เริ่มตั้งแต่แต่งงานมาก็เกิดดราม่าขึ้นแล้ว ช่วงแรกๆอาจจะยังไม่ชิน แต่อยู่ไปนานๆก็เริ่มชิน เริ่มปลงแล้ว เพราะรู้ว่าอยู่ตรงนี้ก็ต้องเจอดราม่าอยู่แล้ว คือเราต้องอยู่กับมันให้ได้ อย่าง ATK จริงๆแล้วการ ATK ต้องตั้งกฎก็ได้ พ่อแม่ต้องคำนึงและทำอยู่แล้วถ้าเรารักลูก และการตรวจเอทีเคเป็นสิ่งที่เรายินยอมและเรารับรู้อยู่แล้วทุกครั้งที่เจอวีจิ และคนที่ติดตามเราไปทุกครั้งเค้าก็ตรวจเหมือนกับเราทุกครั้ง แต่เพราะการสื่อสารผิดพลาดทำให้เกิดดราม่านี้ขึ้นมาเนื่องจากเราไม่คุยกันเอง มีคนกลางเป็นทางผ่านทำให้เราเกิดการเข้าใจผิดกันได้ แต่ถ้าเราคุยกันเองเหมือนคู่อื่นๆ ที่เลิกรากันไปแล้วเรายังสามารถคุยกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ได้ ทุกวันนี้คุยกับพี่หนุ่มก็ต้องคุยผ่านคนกลางอย่างเดียวไม่สามารถยกหูหาได้เลย หรือไม่ก็ผ่านพี่เลี้ยง ผ่านพี่อ๊อฟที่เคยเป็นทนายของพี่หนุ่มเรียกได้ว่าตอนนี้ก็เป็นพี่ชายของเขา”

“ที่โพสต์แรงเวลาที่หนูจะอยากจะทำอะไรหนูไม่ค่อยมีภาพ หนูจะเรียวพอรู้สึกว่านี่คือตัวตนของหนู และหนูมีมุมที่น่ารักและอัปลักษณ์ของตัวเอง แต่หนูโชคดีอยู่อย่างหนึ่งว่าหนูเป็นอะไรแล้วหนูยอมรับในสิ่งที่หนูเป็น หนูมีหลายความรู้สึกทั้งเสียใจและน้อยใจแต่ไม่โกรธค่ะ ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาหนูทำแบบนั้นตลอด เป็นแม่ที่ยอมและอดทน หนูอดทนเพื่อลูกทุกอย่างสิ่งอื่นใดแต่ไม่เคยเอาไปเปรียบกับแม่คนอื่นเลย หนูขอเปรียบกับความรู้สึกของคนใจร้อนคนหนึ่งและต้องทนอะไรหลายอย่างหนูต้องรักษาสุขภาพจิตใจ โดยเป้าหมายของหนูคืออยากให้ลูกกลับมาย้อนดูอะไรหลายๆ อย่าง และไม่รู้สึกผิดหวังกับแม่”

ติ๊ก เล่าต่อว่า “ถามว่าเจอลูกสองครั้งต่อหนึ่งเดือนพอไหมหนูเคยรู้สึกว่าหนูอยากเรียกร้องมากกว่านี้ หนูอยากกอดลูกหนูอยากมีโอกาสไปส่งลูกที่โรงเรียน เรียกร้องแบบนี้ไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยสักครั้ง เพราะหนูยังไม่ได้รับอนุญาต และหนูก็ไม่อยากทำเพราะมันจะเป็นการก้าวก่ายซึ่งมันทำให้หนูมีโอกาสได้เจอลูกน้อยลง ตอนเจอลูกกิจกรรมที่ทำมีทุกอย่างค่ะ คือหนูตักตวงความสุขจากวันที่ได้เจอลูกน้อยมากๆเลย และหนูก็เสพความสุขตรงนั้นกลับไปให้มีพลังสู้กับชีวิต พอถึงเวลาที่เราจะต้องกลับบ้านเราก็ต้องแข็งแรง ส่วนตัวลูกหนูก็คิดว่าเค้าก็น่าจะมีความสุขที่สุดแล้วเพราะเขาได้เล่นและเขามีความสุข ตอนนี้พัฒนาการของลูกก็คิดว่าลูกหนูสามารถจะโกอินเตอร์ได้แทนลูก ได้เล่นบทบู๊ ทุกวันนี้หนูพยายามให้เรามีความสุขในทุกวัน เมื่อก่อนหนูกักตัวเองเกือบสองปีแต่ในห้องให้ตัวเองทำขนม ขายเสื้อผ้า ขายชุดว่ายน้ำ ไม่ออกไปไหนเลยเพราะกลัวสังคมภายนอก ไม่เคยโกรธที่จะโดนบูลลี่ที่จะโดนด่า หนูมีเพื่อนรอบข้างที่บอกกับหนูว่าให้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก ต้องออกจากคอมฟอร์ตโซนเพราะไม่งั้นวันข้างหน้าเราจะดิ่ง หนูรับฟังเพราะอาการของหนูตรงกับที่เค้าบอกทุกอย่าง และหนูก็เลือกที่จะออกมาจากคอมฟอร์ตโซนตรงนั้น”