เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 ก.ค.ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะกรุงเทพฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานเปิดการประชุมสร้างภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล ภายใต้แนวคิด “น้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย” โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำบาดาลในกระบวนการผลิต ร่วมให้การต้อนรับ

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีธุรกิจภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการใช้น้ำบาดาลในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหน่วยงานหลักที่กำกับ ดูแล การประกอบกิจการน้ำบาดาล จึงต้องเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการประกอบกิจการน้ำบาดาลตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 รวมถึงเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำบาดาลอย่างสมดุลและยั่งยืนระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน การประชุมในวันนี้ ขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสามารถประกอบกิจการน้ำบาดาลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ถูกต้องตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 ให้ผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาลภาคเอกชนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาลให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทย ก้าวผ่านยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่ยุค Thailand 4.0 ที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีความคิดสร้างสรรค์และภาคบริการ ภายใต้วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการประกอบกิจการน้ำบาดาลตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 จึงได้จัดการประชุมสร้างภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล ภายใต้แนวคิดน้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำบาดาลในกระบวนการผลิต รวมทั้งสิ้นกว่า 1,200 ราย 

ขณะที่ นายศักดิ์ดา กล่าวว่า ประเทศไทยมีบ่อน้ำบาดาล มากกว่า 200,000 บ่อ แบ่งเป็น บ่อราชการ จำนวน 82,000 บ่อ และบ่อเอกชน จำนวน 120,000 บ่อ มีปริมาณการใช้น้ำบาดาลปีละกว่า 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนบ่อน้ำบาดาลที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเพื่อใช้ประกอบกิจการในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมีมากกว่า 31,000 บ่อ มีสัดส่วนการใช้น้ำบาดาลปีละกว่า 380 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ค่าใช้น้ำบาดาลปีละกว่า 1,680 ล้านบาท ซึ่งน้ำบาดาลถูกนำไปใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมีการใช้น้ำบาดาลเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นจำนวนมาก อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม สิ่งทอ กระดาษ ปูนซีเมนต์ ที่พักแรม และอสังหาริมทรัพย์.