เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เวลา 11.20 น. นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่มีเครื่องบินรบมิก 29 ของกองทัพอากาศเมียนมา บินรุกล้ำน่านฟ้าอธิปไตยไทย เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าทางเครือข่ายในพื้นที่ให้ข้อมูลกับตนว่า เครื่องบินดังกล่าวไม่ได้บินเข้ามารอบเดียว แต่บินเข้ามาถึง 3 ครั้ง ในเวลา 20 นาที ก่อนทำการโจมตีในเวลา 17.00 น. ด้วยการใช้อาวุธจากอากาศยานและทำให้ประชาชนในพื้นที่ของไทยได้รับความเสียหายทั้งรถยนต์ และพื้นที่การเกษตร แต่ทางกองทัพอากาศกลับปล่อยให้เกิดเหตุการณ์รุกล้ำถึง 3 ครั้ง การโจมตีของกองทัพอากาศเมียนมาในรอบนี้ ทางเครือข่ายในพื้นที่บอกว่ากองทัพเมียนมา ไม่สามารถบินในน่านฟ้าของเมียนมาได้ เพราะเป็นพื้นที่ภูเขาและมีต้นไม้ จึงต้องอ้อมเข้ามาบินในไทยถามว่า มีการรู้เห็นเป็นใจของกองทัพไทยหรือไม่ ที่เปิดให้มีการบินรุกล้ำ โจมตีชนกลุ่มน้อย

อีกทั้งเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนทราบว่าทางแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ไปพูดคุยเรื่องการบริหารจัดการชายแดนไทย-เมียนมากับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้นำรัฐประหารเมียนม ที่กรุงเนปิดอว์ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีการรู้เห็นเป็นใจกันหรือไม่ อีกทั้งมีการรุกล้ำน่านฟ้าถึง 3 ครั้ง ทำไมจึงไม่มีการตอบโต้ทันที เพราะเป็นเรื่องภัยความมั่นคงจริง หรือจะใช้เป็นเงื่อนไขในการรอเครื่องบินรบเอฟ-35 อย่างไรก็ตามเราต้องมีแนวทางเสนอการยุติความรุนแรง แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นท่าทีรัฐบาลไทย ที่จะทำให้เกิดสันติภาพในนามของประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน ขณะที่สถานการณ์ผู้ลี้ภัยการสู้รบตั้งแต่วันที่ 26-30 มิ.ย.65 มีจำนวนทั้งสิ้น 831 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี ตนจึงขอเรียกร้องกระทรวงมหาดไทยช่วยดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ให้มีพื้นที่พักพิงที่ปลอดภัย และการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเพื่อให้เกิดความสงบในพื้นที่ ประเทศไทยและอาเซียนต้องมีเวทีให้เมียนมา และกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเจรจาหาทางออก เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่วนไทยขอให้กองทัพและฝ่ายบริหารตัดสินใจด้วยความรอบคอบในการปกป้องอธิปไตย

ทางด้านนายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนยังไม่เห็นท่าทีของทางการไทยในเรื่องดังกล่าว ยังไม่มีหน่วยงานความมั่นคงหรือกองทัพเข้าไปตั้งจุดแจ้งเตือนเมียนมา หากมีการรุกล้ำอธิปไตยอีก รวมถึงการตัดสินใจล่าช้าของกองทัพอากาศ ที่นำเครื่องบินเอฟ-16 บินขึ้นไปสกัดกั้นเครื่องบินต่างชาติ ถือเป็นความบกพร่องของกองทัพอากาศไทย