เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 สรุปภาพรวมการพิจารณางบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กมธ.ได้พิจารณางบใน 3 กระทรวงสำคัญ มีข้อสังเกตดังนี้

(1) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งจากสถานการณ์ด้านดิจิทัลไทยย่ำแย่ สัดส่วนการส่งออกบริการทางด้าน ICT ของไทยเกือบรั้งท้ายอยู่อันดับ 60 จาก 64 ประเทศ การศึกษาทางด้านดิจิทัลอยู่อันดับที่ 56 จาก 64 ประเทศ แต่การจัดสรรงบประมาณกลับไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว 86 ล้านบาทถูกตั้งให้กับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม 2,125 ล้านบาท หรือ 31% ของงบทั้งกระทรวงถูกจัดไปที่กรมอุตุฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ลงทุนกับอุปกรณ์เครื่องมือเยอะ แต่หน้าที่การพยากรณ์อากาศซ้อนทับกับภาคเอกชน ซึ่งทำได้ดีกว่า และต้องลงทุนอีกเยอะในอนาคต

ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่าในภารกิจนี้ยังจำเป็นหรือไม่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ได้ของบโครงการสตาร์ทอัพคนละครึ่ง ร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพ สร้างข้อกังขาในการคัดเลือกสตาร์ทอัพที่จะร่วมทุน โอกาสเสียหายจากการลงทุน และแนวทางลดความเสี่ยง, โครงการดิจิทัลวัลเล่ย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างอาคาร IOT มีงบตั้งแต่เริ่มผูกพันต่อเนื่องถึงปี 67-68 รวมกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น หัวใจคือการสร้างระบบนิเวศ ไม่ใช่สร้างอาคาร

นอกจากนี้กระทรวงดีอีใช้งบประมาณไม่น้อยกับการอบรมดิจิทัล และศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ซึ่งบางส่วนเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเช่าอุปกรณ์ ซึ่งสามารถทดแทนการใช้ Content กระจายผ่าน Platform ที่มีอยู่และร่วมมือกับกระทรวงศึกษาฯ จะประหยัดกว่า

(2) กระทรวงศึกษาธิการ คุณภาพการศึกษาไทยตกต่ำสุดขีด เด็กวัยเรียนส่วนใหญ่ IQ ต่ำกว่าค่ากลางมาตรฐานสากล EQ ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ O-NET เฉลี่ยต่ำในทุกกลุ่มสาระ PISA ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในระดับเดียวกัน สถานศึกษาจำนวนมากตกเกณฑ์ประเมิน ปัญหาหนี้สินครู การพัฒนาครูถูกละเลย แต่ในงบส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) งบก่อสร้างซ่อมแซมอาคารและสิ่งก่อสร้างสูงถึง 4,058 ล้านบาท ยังเป็นแนวคิดแบบเก่า โดยการใช้ “สิ่งก่อสร้างนำ ความรู้ตาม” ในขณะที่โครงการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ กลับได้งบเพียง 5 ล้านกว่าบาท ผ่านโครงการห้องเรียนอาชีพเพียง 6 แห่ง ในแง่ของการกระจายงบ จังหวัด TOP 10 ได้งบกว่า 1 ใน 3 ของงบทั้งหมด เป็นจังหวัดเดิมๆ และจังหวัดรั้งท้ายได้งบน้อยกว่าจังหวัดอันดับ 1 กว่า 22 เท่าตัว

(3) สุดท้ายกระทรวงพลังงาน หมดมุกเรื่องราคาน้ำมัน ทางหน่วยงานชี้แจงเกี่ยวปัญหาราคาน้ำมัน มุ่งไปที่ข้อจำกัดของกองทุนน้ำมันจาก พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 2562 ทั้งด้านการกู้ และการจำกัดเงินในกองทุน ถ้าเกินต้องนำส่งคลัง ยังมีเรื่องค่าการกลั่นที่อยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งไม่น่าจะทำอะไรได้มากนัก เห็นแต่ข้อจำกัด แต่สิ่งที่ไม่เห็นทางออกหรือแนวทางการช่วยเหลือประชาชนเรื่องราคาน้ำมันซึ่งแทบไม่มีการพูดถึง ยังมีการพูดถึงแนวโน้มการต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ทางออกเดียวจากการชี้แจง คือ รอเงินกู้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมัน

“กมธ.ของพรรคเพื่อไทย ได้ทำงานเข้มข้น ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน และจะต้องทำงานหนักต่อไปในการทำงานในชั้นอนุกรรมาธิการทั้ง 8 คณะ เพื่อตรวจสอบทุกรายละเอียด ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน เพื่อทุกบาทจะต้องคุ้มค่าและต้องเป็นเพื่อประชาชน” นายเผ่าภูมิ กล่าว.