เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ ที่เกิดการสะดุดเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) จะกระทบต่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับหรือไม่ ว่า ไม่มีปัญหาอะไรเนื่องจากวันที่ 5-6 ก.ค. จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาโดยมีวาระคือการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งอยู่แล้ว ซึ่งวันที่ 5 ก.ค. รัฐสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฯ ให้เสร็จก่อน จากนั้นพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง

“หากคาดการณ์ดูแล้วก็คงจะไม่กระทบต่อกฎหมายลูก และกฎหมายลูกคงใช้เวลาไม่มากคงจะเสร็จทันภายในวันที่ 6 ก.ค. ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฯ ควรเสร็จภายในครึ่งวัน หากร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฯ จะกระทบกับกฎหมายลูก อย่างน้อยก็ได้พิจารณา 1 ฉบับ คือกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งหากจำเป็นจริงๆ สามารถพิจารณากฎหมายพรรคการเมืองในสัปดาห์ถัดไป” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามแนวโน้มการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง จะเป็นอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า คงจะเป็นการถกกันในประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100 และ 500 ที่จะใช้เวลานาน ซึ่งขณะนี้ยังมีเสียงก่ำกึ่งแต่หารด้วย 100 เพราะอธิบายง่ายกว่า สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมากกว่า และมีเหตุผลสนับสนุนได้เยอะกว่า

เมื่อถามต่อว่า มองว่าจะสามารถพลิกกลับไปใช้ 500 ได้หรือไม่ หากมีบางพรรคกังวลว่าการหารด้วย 100 จะเอื้อให้พรรค พท.ชนะแบบแลนด์สไลด์ นายสุทิน กล่าวว่า หากเขาเอาเหตุผลความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งก็มีสิทธิ แต่หากเขาเอาเหตุผลหลักกฎหมาย มองระยะไกล มองระบบการเมืองก็มีโอกาสพลิกยาก อยู่ที่การพิจารณาหรือการตัดสินใจจะเอาเหตุผลใดเป็นฐานคิด ซึ่งหากคนในสภาฯ จะไปคิดแต่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบอย่างเดียวจะไปอธิบายกับคนในสังคมอย่างไร

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท.ในฐานะโฆษก กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง กล่าวว่า บางฝ่ายอยากให้การคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 ทั้งที่ กมธ.เสียงข้างมากมีมติให้หารด้วย 100 นั้น มติเสียงข้างมากเป็นไปตามหลักการของกฎหมายที่รัฐสภามอบให้ กมธ.ไปพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับ ที่รัฐสภารับหลักการต่างคำนวณด้วยการหาร 100 กมธ.เสียงข้างมากจะเสนอต่อรัฐสภาตามแนวทางนี้ ส่วนรัฐสภาจะเห็นอย่างไรอยู่ที่สมาชิก แต่ถ้าจะมาหารด้วย 500 ตนมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากขัดหลักการที่รัฐสภารับร่างไปพิจารณา ไม่เคยมีกฎหมายใดที่จะผ่านด้วยการขัดหลักการตอนที่ผ่านวาระ 1 จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสมาชิกรัฐสภาล้วนแต่เป็นผู้มีวุฒิภาวะมีความรู้ด้านกฎหมายอยู่แล้วคงไม่กล้าเอาชื่อเสียงตัวเองมาทำกฎหมายที่บิดเบี้ยวเหมือนที่หลายฝ่ายหวังไว้.