แม้ช่วงนี้จะเร่งจะลุยลงพื้นที่ฟื้นศรัทธาอย่างต่อเนื่อง ที่ล่าสุดเพิ่งไปบุกจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของ พรรคเพื่อไทย และบ้านเกิดคน “ตระกูลชินวัตร” หวังฟื้นเรตติ้ง โดยมีกองหนุน “FC ลุงตู่” มาต้อนรับให้กำลังใจในโอกาสพญาเหยียบเมือง ภาพการลงพื้นที่ชื่นมื่น ในขณะที่ “บิ๊กตู่” รูดซิปปากงดจ้อการเมือง เก็บเนื้อเก็บตัว หวั่นเป็นการเปิดประเด็นเปิดแผลเพิ่มก่อนถึงวันชี้ชะตาศึกใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

แต่จนแล้วจนรอดกลับมาจากการลงพื้นไม่ทันไร ก็ต้องมาเจอประเด็นใหญ่เขย่าความเชื่อมั่นกองทัพและรัฐบาล โยงประเด็นความมั่นคง จากกรณีเครื่องบินรบของประเทศเมียนมาบินรุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าไทย ในบริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ และบ้านวาเล่ย์เหนือ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก สร้างความแตกตื่นให้ราษฎรในหมู่บ้านวาเล่ย์ทั้ง 2 หมู่บ้าน 

ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพอากาศ รีบออกชี้แจงว่า ทันทีที่เรดาร์ตรวจจับก็ได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 ขึ้นไปบินวน โดยกองทัพอากาศใช้ปฏิบัติการการบินพร้อมรบรักษาเขต ซึ่งเป็นการแสดงออกทางการทหารอย่างหนึ่ง โดยส่ง F-16 ขึ้นบิน 2 รอบ เพื่อให้เรดาร์ของเมียนมาจับได้ และหลังจากนี้ก็จะจับตาดูอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีผู้ช่วยทูตทหารประจำเมียนมา ทำเรื่องประท้วงไปทันที

ขณะที่ “บิ๊กตู่” ชี้แจงว่า เรื่องนี้ทางเมียนมาได้ขอโทษมาแล้ว ซึ่งเมียนมาได้ยอมรับและยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจเจตนา แต่เป็นการตีวงเลี้ยวเข้ามาในเขตไทย ขออย่าทำเรื่องใหญ่ให้มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมฝากทิ้งท้ายว่า “สิ่งสำคัญคือเรามีสมรรถนะเพียงพอที่จะป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้าก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็ง ทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคตไว้ด้วย ฝากไว้ด้วยละกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต” 

แม้ทั้งกองทัพและ “บิ๊กตู่” จะออกมาประสานเสียงชี้แจงดังกล่าวแล้ว แต่ความเห็นของคนการเมืองอีกฝั่งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวโซเชียลยังดุเดือดเผ็ดร้อน และยังมีหลายคำถามคาใจ

อย่าง “พรรคก้าวไกล” ที่ไม่พลาดออกมาตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ว่า มีการรู้เห็นเป็นใจของกองทัพไทยหรือไม่ ที่เปิดให้มีการบินรุกล้ำโจมตีชนกลุ่มน้อย และมองเป็นความบกพร่องของกองทัพอากาศไทย เช่นเดียวกับ น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย ออกมาอัดรัฐบาลสอบตก ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่น 

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าตรงนี้ยังเป็นคำถามคาใจ แล้วมันก็จะไปรวมกับคำถามคาใจกับการบริหารงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ในฐานะนั่ง รมว.กลาโหม คุมกองทัพ เลี่ยงรับแรงกระแทกและเลี่ยงรับกระสุนจากคำวิจารณ์ไม่ได้ 

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือ การชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาของรัฐบาล และการทำความเข้าใจกับประชาชน ก่อนเรื่องนี้จะถูกปลุกให้ลุกลามบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ สะเทือนความมั่นคงรัฐบาลไปด้วย ภายใต้วิกฤติรอบด้าน ที่สำคัญเรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่พลาดที่จะหยิบชิ้นปลามัน ลากไปขยี้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงกลางสภา ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน…