เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่รัฐสภา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. … แถลงความคืบหน้าการยื่นคำขออนุญาตและจดแจ้งกัญชา ว่าทาง กมธ.ได้เปิดให้ลงทะเบียนและจดแจ้งโดยสามารถดำเนินการได้ทั้งระบบเอกสารและระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากที่สุด ส่วนเรื่องความเหลื่อมล้ำและความยุ่งยากในการขออนุญาต ทาง กมธ.ได้พิจารณาก่อนหน้านี้ หากปลูกเพื่อการจำหน่ายไม่เกิน 5 ไร่ จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กได้มีโอกาสเติบโตและไม่มีอุปสรรคในเรื่องการใช้จ่าย

แต่ในครั้งนี้ กมธ.ได้มีการพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต ซึ่งในคณะกรรมการผู้ที่อนุญาตทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับคำขอ โดยจะไม่มีการดึงเรื่องหรือเลือกปฏิบัติอีก และได้มอบอำนาจให้องค์การอาหารและยา (อย.) ให้ส่งเสริมกัญชา กัญชง ในด้านการใช้ในการทางแพทย์ ทางเศรษฐกิจ และคุ้มครองสุขภาพของบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะไปการสนับสนุนประชาชนในการเพาะปลูก หรือแปรรูป เพื่อให้เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและต้องสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาทางการแพทย์และเทคโนโลยีต่างๆ และให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนในกรณีที่มีการนำภาพถ่ายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่ปรากฏรูปมีเด็กถือตุ๊กตารูปใบกัญชา มาโจมตีว่าเป็นการนำเด็กเข้ามาประชาสัมพันธ์เรื่องกัญชา ซึ่งขณะนี้มีขบวนการบ่อนทำลาย เพื่อไม่ให้ประชาชนใช้กัญชาอย่างเข้าใจ เป็นการบ่อนทำลายไม่ให้ประชาชนพึ่งพาตัวเอง โดยภาพที่เผยแพร่ออกมานั้นเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่เพิ่งถูกหยิบยกมาเพื่อโจมตีทางการเมือง

“เราจึงอยากวิงวอนว่าเรื่องของกัญชา กัญชง นั้นเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและต่อประเทศชาติ ไม่ควรนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองโดยทำให้ประชาชนหลงเข้าใจผิด ต่อให้มีเด็กถ่ายรูปใบกัญชาก็ไม่มีความผิด เพราะปัจจุบันยากัญชาอยู่ในตำรับยาของชาติ ในการใช้กับเด็ก ตำรับยาแผนไทยของชาติประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งหมายความว่ามีคุณค่าในการสาธารณสุขเป็นพิเศษ มีการใช้ในการรักษาโรคตานซางและโรคอื่นๆ ที่ทำให้กินนม กินข้าวไม่ได้ และนอนไม่ได้ ก็ยังมีการใช้ยาตำรับนี้มาหลายร้อยปี แสดงให้เห็นว่ากัญชามีความปลอดภัยสามารถใช้กับเด็กได้” นายปานเทพ กล่าว