กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ระบายความรู้สึกไม่พอใจ และไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากให้เป็นกรณีศึกษา หลังหลานชายวัย 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กลับมาจากโรงเรียนสภาพแขนหักผิดรูป โดยบอกว่าแขนหักตั้งแต่ตอนเที่ยง จึงรีบนำไปโรงพยาบาลเข้าเฝือก และต้องช็อกกับคำตอบของครู ที่บอกว่าไม่เห็นเด็กร้องไห้ ไม่ขอความช่วยเหลือ อีกทั้งหลังเป็นประเด็น ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว และครู ติดต่อมาขอโทษ พร้อมรับปากจะจ่ายค่าเสียหายให้ แต่พอถึงวันนัดกลับบอกไม่มีเงินให้ไปฟ้องเอาเอง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อยากได้ฟ้องเอา! ‘5 ขวบ’ แขนหัก ครูเห็นตั้งแต่เที่ยงแต่เฉย อ้างเด็กไม่ร้องให้ช่วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบข่าวมารวมตัวกันที่โรงเรียนโคกสูงคูขาด เพื่อผูกแขนให้ผอ.โรงเรียน และนางนิตยา ธวัชชัยสกุล อายุ 44 ปี ครูประจำชั้นน้องที่แขนหัก เป็นการให้กำลังใจในการทำงานต่อไป โดยนางออมสิน เบ้าสองศรี อายุ 59 ปี กรรมการศูนย์เด็ก อบต.โคกสูง กล่าวว่า เท่าที่ทราบเด็กแขนหักมาก่อน วันเกิดเหตุเด็กได้ถอดเฝือกมาโรงเรียน ซึ่งครูคิดว่าเด็กปกติ แล้วเด็กมาหกล้มในโรงเรียนแล้วแขนหักซ้ำรอยเดิม หลังตกเป็นข่าวเกรงว่าครูจะโดดเดี่ยว จึงพากันรวมตัวมาให้กำลังใจครูผู้สอน

นางนิตยา เล่าว่า จริงๆแล้วเห็นสภาพแขนน้องตั้งแต่ตอนเที่ยง แล้วเข้าไปถามทันทีว่า “เป็นอะไร” แต่น้องบอกว่าไม่เป็นอะไรเพิ่งเอาเฝือกที่ดามแขนออก ยอมรับว่าแปลกใจมากว่าทำไมแขนถึงผิดรูปแบบนี้ เมื่อถามเด็กว่าเจ็บหรือไม่เด็กบอกไม่เจ็บ เวลาประมาณ 14.00 น.จึงเข้าไปถามเด็กอีกครั้ง แต่เด็กบอกว่าอยากนอนหลับ จึงพาไปดื่มนมแล้วนอนพัก ช่วงเวลาผู้ปกครองน้องมารับยังเข้าไปถามคนมารับเด็กด้วยว่า “ทำไมแขนน้องเป็นแบบนี้” แต่ไม่ได้รับคำตอบ ส่วนตัวรู้ถึงความรู้สึกของผู้ปกครอง แต่การให้ข่าวคิดว่าดราม่าเกินไป เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายอุเทน ระวะใจ ผอ.โรงเรียนโคกสูงคูขาด กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะบานปลายขนาดนี้ แต่เห็นชาวบ้านมาให้กำลังใจครูแล้วรู้สึกดีใจ สำหรับการเยียวยาต่างๆจะมีการนัดหมายกันในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) อีกครั้ง แต่ยังไม่แน่ว่าจะลงเอยกันหรือไม่ เหตุครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ต้องจดจำและอยากจะฝากถึงโรงเรียนอื่นๆ เกี่ยวกับการเฝ้าระวังเด็กนักเรียนว่าเหตุการณ์แบบไหนควรจะเร่งด่วน หรือไม่เร่งด่วน เพราะพลาดไปแล้วอาจจะเหมือนโรงเรียนตนก็ได้

ขณะเดียวกัน น.ส.กรรณิการ์ คำโส อายุ 42 ปี อาของเด็กที่ออกมาร้องเรียน เปิดเผยว่า ตอนนี้พร้อมจบไม่อยากให้เรื่องบานปลาย วันพรุ่งนี้พร้อมคุยกับทุกฝ่าย เพราะพร้อมรับคำขอโทษของครูตั้งแต่วันแรกแล้ว สิ่งที่ยังติดใจคือ ทำไมครูไม่แจ้งผู้ปกครอง
ทั้งที่รู้ว่าเด็กมีความผิดปกติ กลับทิ้งเวลานานถึงกว่า 3 ชม. ทั้งนี้ไม่ได้ติดใจอะไรกับโรงเรียนและครูผู้สอน