เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า กฟน.สั่งระงับการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้ารุ่นเดียวกับหม้อแปลงไฟฟ้าจากเหตุการณ์ไฟไหม้สำเพ็ง ตึกแถวย่านสำเพ็งทั้งหมดเพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย โดยปัจจุบันมีการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวในระบบของ MEA จำนวน 5 ลูก หลังเกิดเหตุ ทำให้คงเหลือ 4 ลูก ซึ่งจะดำเนินการเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าลูกใหม่ทดแทน มีกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

นอกจากนี้ กฟน.ได้ดำเนินมาตรการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าในกลุ่มหม้อแปลงวงจรตาข่าย (Network Transformer) อีกจำนวน 450 ลูก ในพื้นที่เมืองชั้นใน เกาะรัตนโกสินทร์ เขตพระนคร และ ตรวจสอบ หม้อแปลง 67,000 ลูก ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ

ส่วนการแก้ไขระยะยาว กฟน.ยังคงดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะทางดำเนินโครงการรวม 215.6 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2568 โดยระหว่างนี้ กฟน.จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สํานักงาน กสทช.) ในการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารที่เป็นจุดเสี่ยงเพลิงไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดระเบียบสายสื่อสารในบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะทําให้เกิดความปลอดภัยแล้ว ยังส่งผลดีต่อทัศนียภาพของเมืองอีกด้วย.