จากกรณี ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี นายมาโนช เสนพงศ์ และ นายเทพไท เสนพงศ์ ในคดีอาญา คดีทุจริตเลือกตั้ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่ นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

ประวัติ
สำหรับ นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นบุตรคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด มีเชื้อสายตูนิเซีย มีประวัติการศึกษา ประกาศนียบัตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (กฎหมายมหาชน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (FUTURE OF LEADER) ,คณะพัฒนาสังคมสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ชีวิตสมรส
เทพไท สมรสกับ นางสาวพอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ บุตรีของ พ.อ.(พิเศษ) พลเริง ประเสริฐวิทย์ อดีต ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี 6 สมัย อดีตหัวหน้าพรรคสยามประชาธิปไตย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจพันล้านในยุคนั้น

ชีวิตการเมือง
เริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมืองตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับเลือกเป็น นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนเข้าสู่ถนนการเมืองจากการเป็น “มือขวา” นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่อยู่พรรคพลังธรรม ในฐานะ “ผู้ช่วย ส.ส.” จนถึงเป็น เลขานุการ รมช.มหาดไทย เมื่อนายชำนิ นั่งตำแหน่ง รมช.มหาดไทย กระทั่ง นายชำนิข้ามฟากมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์

หลังจากนั้นปี 2531 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วย ส.ส. สมัยอยู่พรรคพลังธรรม ต่อมาเมื่อปี 2537 นายชำนิ ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทย นายเทพไทได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการ รมช.มหาดไทย ในปี 2535-2537

เมื่อนายชำนิข้ามสังกัดมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไทจึงย้ายตามมา และได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกในการเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544 และได้รับเลือกตั้งเป็นต้นมา ทั้งยังสวมบทเป็นโฆษกของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการเป็นโฆษกประจำตัวให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรีด้วย

ตระกูลมากบารมี
หากกล่าวถึง ตระกูลเสนพงศ์ นับว่าเป็นนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักมากในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยนายเทพไท นั่งเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัยติดต่อกัน ขณะที่ “มาโนช เสนพงศ์” น้องชาย ก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นต่อเนื่องหลายสมัยเช่นเดียวกัน

นายมาโนช เสนพงศ์

ย้อนรอย “คดีทุจริตเลือกตั้ง อบจ.”
จุดเริ่มต้นของคดีนี้ เริ่มขึ้นเมื่อนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท กรณีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อปี 2556 เรื่องไปตามขั้นตอนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และในปี 2558 ศาลก็ให้ใบแดง “นายมาโนช เสนพงศ์”

ต่อมา นายพิชัยได้ยื่นต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เอาผิดทางอาญา ฟ้องนายมาโนช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิด ในการทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช” ในฐานทำผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ในความผิดฐาน “เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครอื่น”

ทั้งนี้ ผลจากคำตัดสินของศาล กกต.ได้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อว่า กรณีของนายเทพไทนั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่และพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ โดยในวันที่ 16 กันยายน 2563 ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของ กกต.และมีคำสั่งให้ นายเทพไท หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 วินิจฉัยให้นายเทพไท สิ้นสภาพความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) มาตรา 96 (2)

หลังพ้นตำแหน่ง
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายเทพไท เสนพงศ์ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 มกราคม 64 โดยนายเทพไท แจ้งว่า ตนเอง น.ส.พอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 927,284,826 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นทรัพย์สินของนายเทพไท 93,455,583 บาท เป็นทรัพย์สินของ 832,012,138 บาท เป็นทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,817,104 บาท

ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินของนายเทพไท และน.ส.พอเพ็ญ จำนวน 76 รายการ มูลค่ารวมกัน 841,210,000 บาท โดยมีทั้งที่ดินที่อยู่ในหลายเขต กทม. และอยู่ตามอำเภอต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราช เพชรบุรี ปทุมธานี นนทบุรี อุทัยธานี กาญจนบุรี นครนายก เงินลงทุนของ น.ส.พอเพ็ญและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มูลค่ารวมกัน 42,199,500 บาท

เงินฝากของนายเทพไท น.ส.พอเพ็ญ และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 17,915,325 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างในชื่อของนายเทพไท จำนวน 6 หลัง มูลค่ารวม 15,000,000 บาท โดยเป็นบ้านใน กทม. 4 หลัง บ้านที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช 1 หลัง มูลค่า 10,000,000 บาท และที่ อ.เมือง 1 หลัง มูลค่า 3,000,000 บาท ยานพาหนะของนายเทพไท และน.ส.พอเพ็ญ จำนวน 5 คัน มูลค่ารวมกัน 6,400,000 บาท ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่นของนายเทพไท จำนวน 16 รายการ มูลค่ารวม 6,850,000 บาท โดย 15 รายเป็นนาฬิกายี่ห้อหรู อาทิ ปาเต็กฟิลิปป์หลายรุ่น ลองเฮ่ โซเน่หลายรุ่น โรเล็กซ์ 3 กษัตริย์ โซปาดเรือนทอง พันนาราย ส่วนอีกรายการเป็นอาวุธ

อย่างไรก็ตาม.. ถือได้ว่า “เทพไท เสนพงศ์” นับเป็น ส.ส.ที่ไม่เคยสอบตก กระทั่งเมื่อถูกศาลอ่านคำพิพากษา ให้จำคุก 2 ปี ตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี จากกรณีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช.


-คุก’เทพไท-มาโนช’2ปีไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิการเมือง10ปีคดีโกงเลือกตั้ง