เมื่อวันที่ 6 ก.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลปิดห้องหารือถึงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไล่ถามรายคน ถึงสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รับเห็นด้วยหาร 500 ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์กล้าทำขนาดนี้ ต้องเลิกพูดได้แล้วว่าการแก้ไขกฎหมายเป็นเรื่องของสภา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะของจริงคือทั้ง 3 ป. เขียนด้วยมือแต่ลบด้วยเท้า เปิดหน้าเล่นขนาดนี้ ไม่ต้องเขินกันแล้ว ถ้าพล.อ.ประยุทธ์เคารพสภาคงไม่หนีตอบกระทู้สดจนรองประธานสภาต้องตำหนิกลางสภาทวงถามความรับผิดชอบ

การเดินเกมอย่างโฉ่งฉ่างไม่เหลือทรง ออกมาล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลด้วยตัวเองจนออกอาการเสียรังวัดขนาดนี้ อาจมองสภาเป็นเพียงแค่ตรายางผ่านกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างหาร 100 ผ่านความเห็นชอบของกฤษฎีกา แต่พอเห็นท่าพรรครัฐบาลจะสูญพันธุ์ กลับหลังหัน 180 องศา จนคนงงกันทั้งประเทศ ความกลัวทำให้เสื่อม พล.ประยุทธ์ กลัวพรรค พท.เแลนด์สไลด์ จนยอมพลิกลิ้น ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่แทบไม่มี กลับติดลบอย่างหนักจากการกลืนน้ำลายตัวเอง

นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ยืนยันมาตลอดว่าต้องหาร 100 ถ้าปล่อยฟรีโหวตหนุนหาร 500 จริง ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด กลัวจนอาจหน้ามืดตามัว มองไม่เห็นแล้วว่าหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยกระหยิ่มยิ้มย่องจนบอกว่ารัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา กลับละทิ้งโอกาสที่จะคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน ยังคงกอดความได้เปรียบอย่างเหนียวแน่นแล้วก้าวออกจากแนวทางที่จะสร้างกติกาการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม

“พรรค พท.ไม่หวั่นไหว จะหาร 100 หรือ 500 ก็พร้อมสู้ทุกกติกา และจะไม่กระทบกับการสร้างปรากฏการณ์เพื่อไทยแลนด์สไลด์ พร้อมที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว.

ขณะที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการผ่านร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้ง 2 ฉบับที่กำลังพิจารณากันอยู่ในสภาในขณะนี้ว่า ท่าทีที่ชัดเจนของพรรคร่วมรัฐบาลจะลงมติไปในการหาร 500 เนื่องจาก ส.ส.หลายคนในฝั่งรัฐบาลพร้อมใจกันไม่แสดงตนจำนวนมากทั้งที่อยู่ในสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายที่สำคัญเป็นกติกาในการปกครองประเทศ กลับละเลยเลยเล่นเกมการเมือง เพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจให้คงอยู่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า การกระทำของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค คือการแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดแจ้งในการไม่เคารพในรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กำหนดไว้ชัดเจนว่าคะแนนที่เลือกพรรคการเมืองต้องเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กันโดยตรง ต้องใช้สูตรการคำนวนหาร 100 ใน ส.ส ระบบบัญชีรายชื่อ เท่ากับสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลคิดจะทำอยู่กำลังทำลายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านอาจต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องนี้กรณีสูตรหาร 500 สะท้อนชัดเจนว่า พรรคร่วมรัฐบาลมั่นใจในอำนาจที่มากล้น เพราะคิดว่าจะแทรกแซงองค์กรอิสระได้ใช่หรือไม่ โดยไม่สนใจหลักการและความถูกต้องรวมถึงหลักนิติรัฐและนิติธรรมตลอดระยะ 8 ปีที่ผ่านมา

วันนี้สิ่งที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทำ เท่ากับยอมรับการสืบทอดอำนาจของเผด็จการให้คงอยู่ ทั้งที่ในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ก็ถือว่าดีไซน์มาเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว ซึ่งการแก้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ เป็นเพียงการแก้ไขให้กติกาการเลือกตั้งชอบธรรมมากขึ้น แต่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคไม่สนใจ กลับเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า เพียงเพราะหวาดกลัวต่อเสียงของประชาชนในการแสดงเจตจำนงในการเลือกพรรคที่ตนชอบ