จากกรณีศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์จำคุก 2 ปี และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี นายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์ ในคดีอาญา คดีทุจริตเลือกตั้ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช น้องชายของนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ก.ค. นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความโจทก์ กล่าวว่า หลังคำพิพากษานายเทพไทมีสีหน้าเคร่งเครียดเรียบเฉย แต่นายมาโนช ถึงกับร้องไห้ ในขณะที่ภรรรยาของนายมาโนช เข้ามาต่อว่าตนด้วยถ้อยคำไม่พอใจว่า “ทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ” ซึ่งตนชี้แจงไปว่า ตนเป็นทนายไม่เกี่ยวข้องทำไปทำหน้าที่ทนายความ โดยคดีนี้ตนในฐานะทนายโจทก์ ต้องขอโทษนายเทพไทและนายมาโนช เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกรธแค้นส่วนตัวกันมาก่อน ซึ่งคดีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมืองรุ่นหลัง ที่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายที่ตราไว้

ด้าน นายพิชัย บุณยเกียรติ โจทก์คดีนี้ กล่าวว่า ตนยืนยันต่อสู้ในคดีนี้มาอย่างอดทน เสียสละ และถูกดโจมตีว่าขี้แพ้ชวนตี แต่เพื่อพิสูจน์ว่าการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยจะต้องได้มาโดยสุจริต คนดีนักการเมืองน้ำดีจะต้องมีที่ยืนในสังคม และเป็นประวัติศาสตร์และบรรทัดฐานของคดีทางการเมืองของเมืองนครศรีธรรมราช และประเทศไทยต่อไป ตนยอมรับว่าก่อนคำพิพากษาศาลฎีกา ตนหวั่นไหวไม่น้อย แต่วันนี้ศาลได้พิสูจน์ถึงความเที่ยงธรรมโปร่งใส ซึ่งตนต้องขอขอบพระคุณศาลที่ผดุงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรม ความยุติธรรมเป็นที่พึ่งของสุจริตชนได้อย่างแท้จริง ขอขอบคุณชาวนครศรีธรรมราช ที่ติดตามคดีนี้ และให้กำลังใจตนมาตลอดตนทำเพื่อความถูกต้อง และเพื่อชาวนครศรีธรรมราช โดยขั้นตอนต่อจากนี้ ศาลจะออกหมายขังและในตอนเย็นเมื่อเลิกศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะมาควบคุมตัวนายเทพไทและนายมาโนช ไปคุมขังพร้อมผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอื่นๆ เข้าสู่กระบวนการจำคุกที่เรือนจำพิเศษนครศรีธรรมราช ตามกระบวนการต่อไป

ps://youtu.be/aIOIiu2PX6g