เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่รัฐสภา น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) และ น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันแถลงผลการประชุม กมธ. โดย น.ส.ปิยะรัฐชย์ กล่าวว่า กมธ.ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด 20 วัน รวม 179 ชม. ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว 11 กระทรวง 9 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 40.7 ของหน่วยงานที่ต้องพิจารณาทั้งหมด

ทางด้าน น.ส.จิราพร กล่าวว่าการพิจารณางบประมาณของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มี กมธ.บางท่าน ถามถึงการรายงานตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันสะท้อนตัวเลขผู้ติดเชื้อตามความเป็นจริงหรือไม่ เนื่องจากโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ BA.2 BA.4 และ BA.5 ที่กำลังแพร่ระบาดในระลอกที่ 5 สามารถกลายพันธุ์และแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอีกครั้ง แต่การรายงานตัวเลขของหน่วยงาน กลับไม่สะท้อนจำนวนที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อ ปัจจุบัน สธ.ประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อมูลว่าตนเองติดเชื้อ เพื่อทำการรักษาตัวที่บ้าน ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อแท้จริงสูงกว่าที่มีการรายงาน ดังนั้น กมธ.จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานควรมีมาตรการในการตรวจสอบตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สะท้อนกับความเป็นจริง

น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่าผู้แทนกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่าตัวเลขการรายงานผู้ติดเชื้อ มาจากการตรวจแบบ RT-PCR ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการตรวจแบบสากล ทั้งนี้ ข้อมูลการตรวจ ATK ล้วนถูกนำมาประเมินในนสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มี กมธ.บางท่านให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ในความเป็นจริงผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านที่มีการตรวจ ATK แล้ว ไม่ได้แจ้งผลการตรวจมาที่หน่วยงาน จึงไม่มีตัวเลขรายงานของผู้ป่วยปรากฏอยู่ ดังนั้นอาจไม่สะท้อนตัวเลขจากผู้ป่วยจริง

โดยทาง กมธ.ยังสอบถามเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา ว่าหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับลดการจัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา เหลือ 34,500,500 โด๊ส เพราะปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA จึงต้องการทราบว่า กรมควบคุมโรคจะเสนอให้ยุติการจัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกาได้หรือไม่

นอกจากนั้น กมธ.ยังถามว่า ครม.มีมติจัดซื้อ Long-Acting Antibody หรือ LAAB หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ 257,500 โด๊ส จึงต้องการให้กรมควบคุมโรคชี้แจงว่า จะสามารถปรับข้อสัญญากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาได้หรือไม่ โดยผู้แทนจากกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า กรณีการขอแก้ไขสัญญาจัดซื้อวัคซีนมาเป็นการจัดซื้อ LAAB อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถดำเนินการได้ และปัจจุบันยังมีกลุ่มผู้เสี่ยงสูงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีน จึงได้มีการจัดหา LAAB เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 การป่วยหนัก และการเสียชีวิตในผู้ป่วย 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยล้างไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันกับตัวเอง.