เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่รัฐสภา ในช่วงค่ำ ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า แม้ไม่มีการบอกตรงๆ ให้ใช้ 100 หาร ในร่างกฎหมาย แต่ตนเคยถาม กมธ.ที่เป็น กกต.ในฐานะเป็นเจ้าของกฎหมายว่า การเขียนรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 91 ที่ระบุถึงวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้คำนวณตามสัดส่วนแบบสัมพันธ์กันโดยตรง มีความหมายว่าอย่างไร กมธ.ที่เป็นตัวแทนจาก กกต.ตอบชัดเจนว่า ให้คำนวณไปตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 คือ การหารด้วย 100 เรื่องนี้มีเอกสารเยอะ อย่างไรก็ต้องเอารายงานการประชุมไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการพิจารณาเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ การใช้ 500 หารไม่สามารถทำได้ เพราะเมื่อประชาชนเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อมา แต่ไปกำหนดว่า ถ้าได้คะแนนเกิน ก็ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถามว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ประชาชนตรงไหน 

ต่อมาเวลา 21.15 น. ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม หลังจากที่ใช้เวลาอภิปราย ม.23 มายาวนานร่วม 3 ชั่วโมง ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อมีสมาชิกทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. ต่างขอเวลาเพื่ออภิปรายในมาตรา 23 เพิ่มเติม โดยเกิดข้อถกเถียงกันมาก จนนายพรเพชร ไม่สามารถควบคุมการประชุมได้ ทำให้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ขอเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมให้เปลี่ยนประธาน เมื่อนายมงคลกิตติ์พูดจบ สมาชิกในห้องต่างปรบมือ ขณะที่นายพรเพชรไม่แสดงอาการใดๆ โดยยืนยันจะให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายเพิ่มเติมในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกคนอื่น ว่าให้อภิสิทธิ์กับผู้นำฝ่ายค้าน ทั้งที่ทุกคนเป็นสมาชิกรัฐสภาเหมือนกัน

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ และ รมช.สาธารณสุข ฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก อภิปรายว่า ขอให้กรรมาธิการเสียงข้างมาก คือนายกฤษณ์ เกื้อวงศ์ และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ขึ้นอภิปรายเท่านั้น เพราะที่เหลือพูดซ้ำกันหมดแล้ว

จากนั้นนายพรเพชร กล่าวว่า ตนเคยอยู่สภาตั้งแต่เด็ก เวลาผู้ใหญ่หรือผู้มีตำแหน่งของสภา ไม่ว่าจะเป็นรอง หรือผู้นำฝ่ายค้าน ยกมือขึ้นพูด ประธานก็จะเชิญให้พูด ดังนั้นตนถึงแม้จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ตนก็เคารพและยึดมั่นในสถาบันนิติบัญญัติ ดังนั้นท่านอาจจะด้อยค่าตน ไล่ตนออกจากตำแหน่ง หรือว่าเปลี่ยนตำแหน่งอะไร ตนก็ให้อภัย แต่ท่านควรจะให้เกียรติผู้มีตำแหน่งในสภาแห่งนี้