จากกรณีที่ประชุมรัฐสภา พ.ร.ป.เลือกตั้ง ประเด็น วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  ‘หาร 500’ ชนะ ‘หาร 100’

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า หาร 500 ใครได้ประโยชน์

สูตรการคำนวณ จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMP. ได้รับความเห็นชอบในวาระที่สอง ของการประชุมร่วมของรัฐสภา ด้วยคะแนนเสียง 354 ต่อ 162 งดออกเสียง 37 และไม่ลงคะแนน 4 เสียง

1. ภายใต้ระบบนี้ พรรคที่ชนะในระบบเขตมาก จะได้บัญชีรายชื่อน้อยลง ส่วนพรรคที่แพ้เลือกตั้งในระบบเขต หากมีคะแนนนิยมในบัตรใบที่สองมาก จะได้รับการจัดสรร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อมาก

2. พรรคก้าวไกล อาจเป็นพรรคที่ได้ประโยชน์จากระบบนี้มากที่สุด โดยอาจมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ถึง 30 คน

3. พรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะได้บัญชีรายชื่อน้อยลง แต่จะไม่ถึงขนาดเป็นศูนย์ เพราะคราวก่อนเป็นระบบบัตรใบเดียว และพรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครเพียง 2 ใน 3 ของจำนวนเขตทั้งหมด  หากคราวนี้ส่งลงครบ 400 เขต น่าจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้จำนวนหนึ่ง

4. พรรคจิ๋ว อย่าเพิ่งคิดว่าจะได้อานิสงค์จากระบบนี้ เนื่องจากเค้กก้อนเล็กลง ดังนั้นแม้คะแนนเฉลี่ยเบื้องต้นคือ ประมาณ 70,000 คะแนน แต่การคำนวณ จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจากทุกพรรคในรอบแรก จะเกินจำนวน 100 คน ดังนั้นต้องใช้บัญญัติไตรยางศ์ เพื่อปรับให้ลงมาเป็นร้อยคน คะแนนต่ำสุดจึงอาจสูงขึ้น โดยอาจต้องมี คะแนนเสียง 100,000 เสียงจึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

5. พรรครัฐบาล มีเวลาเหลืออีกราว 6-8 เดือน ในการสร้างคะแนนนิยมให้สูงขึ้น หากคะแนนนิยมดีขึ้นกลายเป็นพรรคใหญ่ อย่าหาเรื่องกลับไปสูตรหาร 100 อีกล่ะ คุณลุง