เมื่อวันที่ 7 ก.ค. เวลา 10.30 น. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 ที่เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และการยกเลิกคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯดังกล่าว และเพิกถอนประกาศการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เรื่อง ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และการยกเลิกคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯดังกล่าว ลงวันที่ 3 ก.พ.64 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. มีประกาศดังกล่าว ตามที่ ที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กรณีมติยกเลิกการประมูลในโครงการรถฟ้าสายสีส้มฯ เป็นเหตุให้ บีทีเอส ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย

ศาลปกครองให้เหตุผลว่า แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏตามรายงานการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในวันที่ 3 ก.พ.64 ว่าการมีมติยกเลิกกาคัดเลือกดังกล่าวเพื่อช่วยลดหรือแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งในการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแต่ปรากฏเพียงความเห็นของ รฟม. ในเรื่องนี้ว่าเอกชนผู้ซื้อเอกสารประกวดราคา และบีทีเอส ไม่มีความเสียหายใดใดจากการยกเลิกการคัดเลือกดังกล่าว เนื่องจากเหตุแห่งคดีพิพาทสิ้นสุด และจะคืนซองข้อเสนอ หลักประกันซอง และเงินค่าธรรมเนียมการประเมินข้อเสนอ เงินค่าซื้อเอกสาร คืนเอกชนทุกรายเท่านั้น โดยมิได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ข้อพิพาทเกี่ยวกับการความชอบด้วยกฎหมายของการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ดังนั้นการที่ คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ประกาศยกเลิกกาประมูลโดยไม่เปิดให้ บีทีเอส หรือผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่น ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพื่อมาช่วยลดหรือแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือรอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา เสียก่อน จึงฟังไม่ได้ว่า มติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ และประกาศของ รฟม. ในวันที่ 3 ก.พ.64 มีเหตุผลและความจำเป็น ตาม พ.ร.บ.การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ถือเป็นมติและประกาศที่ออกโดยใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษาให้เหตุมติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ และประกาศของ รฟม. ดังกล่าว

ต่อมา นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าการที่ศาลปกครองเพิกถอนประกาศยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ และศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาว่าการแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกครั้งที่แล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเราพึงพอใจที่ศาลให้ความยุติธรรมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีมติยกเลิกการประกาศยกเลิกดังกล่าว ส่วนแนวทางการดำเนินการหลังจากนี้ต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องและฝ่ายกฎหมายก่อนว่าเราจะทำอะไรต่อหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีคดีที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งศาลนัดวันที่ 27 ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่ อย่างไรก็ตามวันนี้ก็ดีใจ ถือเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นบรรทัดฐานการประมูลของบ้านเรา ซึ่งเราต่อสู้โดยที่ไม่รู้ว่าจะชนะหรือแพ้ แต่อยากให้เกิดการประมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้และเป็นธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุน

เมื่อถามว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องไปดูฝั่ง รฟม. เรื่องการประมูลวันที่ 27 ก.ค.นี้ เรามีคำถามไปเยอะ ซึ่งต้องรอว่าพรุ่งนี้ รฟม. จะตอบคำถามอย่างไร เพราะมีอะไรที่เราคิดว่าอาจจะไม่ชัดเจนหลายอย่าง รวมถึงคำพิพากษาศาลวันนี้อาจจะมีผลด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าทางฝั่ง รฟม. คงต้องไปพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อเช่นกัน ซึ่งอยู่ที่ดุลพินิจของ รฟม. ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกที่อาจจะมีการเปลี่ยนเรื่องคุณสมบัติของผู้ก่อสร้างงานโยธา แต่เดิมให้ใช้ผลงานในต่างประเทศได้แต่ครั้งนี้ไม่ได้ ทำให้บริษัท ซิโน-ไทย ที่เป็นกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับเรามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้าร่วมประมูล แต่ครั้งนี้กลับมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ซึ่งก็ต้องหาบริษัทอื่นมาร่วมด้วย นอกจากนั้นยังมีเรื่องการกำหนดประสบการณ์ผู้เดินรถ โดยครั้งที่แล้วมีการกำหนดให้ผู้เดินรถต้องมีประสบการณ์ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ครั้งนี้กลับกันคือสามารถใช้ผู้เดินรถจากต่างประเทศได้ ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนจาก รฟม. อีกครั้งหนึ่ง

นายสุรพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่ศาลปกครองเพิกถอนประกาศยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ แสดงว่าการคัดเลือกครั้งที่แล้วยังอยู่ บวกกับศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่าการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตนเข้าใจว่าการประมูลครั้งล่าสุดก็ยังอยู่ แต่คงจะต้องไปดูคำพิพากษาโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง.