เมื่อวันที่ 7 ก.ค. น.ส.จารุวรรณ ทะเลธาร อายุ 43 ปี กรรมการ บริษัทเฟเวอริท สมุย จำกัด เข้าพบ นายณัฐนวรรธ ศักดา นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี ขอความช่วยเหลือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยติดตามคดีหลังถูกบริษัทนำเที่ยวชื่อดังของประเทศจีน ผิดสัญญาการร่วมทุนทำให้เกิดความเสียหาย ถึงแม้ศาลจะได้ตัดสินให้บริษัทชนะคดี และศาลออกหมายจับในคดีอาญา แต่ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

โดย น.ส.จารุวรรณ กล่าวว่า ตนกับเพื่อนชาวไทยอีก 1 คน ร่วมกันทำธุรกิจจัดหาที่พักให้กับนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ต่อมาเมื่อปี 2558 ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีน ที่เข้ามาทำงานในไทยจัดตั้งบริษัท และดำเนินกิจการจัดหาที่พักให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งช่วงนั่นเกาะสมุย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างมาก และบริษัทเฟเวอริท สมุย เป็นบริษัทจัดหาที่พักที่นักท่องเที่ยวชาวจีนได้ให้ความไว้วางใจใช้บริการในอันดับต้นๆ และมีการขยายธุรกิจด้วยการเช่าโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่เกาะสมุยเพื่อเข้าบริหารด้วยตนเอง กระทั่งเมื่อต้นปี 2561ได้มีบริษัทหลิวเย่ว จำกัด (LVYUE Group) คู่กรณี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศจีนรายหนึ่ง เข้ามาเจรจาทำสัญญานำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าพักในโรงแรมหน้าทอน แกรนด์ ซีวิว ที่บริษัทได้เช่าจากเจ้าของกิจการเพื่อบริหาร แต่บริษัทหลิวเย่ว สร้างความเสียหายให้บริษัทมีมูลค่าถึง 65 ล้านบาท

“ช่วง 2 เดือนแรก บริษัทหลิวเย่ว นำนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้าพักอย่างเนื่อง จนกระทั่งเดือน ก.ค. ปี 2561 บ.หลิยเย่ว ได้เจรจาขอร่วมทุนและปรับปรุงโรงแรมซีวิว เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการ โดยอ้างว่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งทางบริษัทได้รับยินยอมจากเจ้าของโรงแรม จึงได้ร่วมหุ้นกับบริษัทหลิวเย่ว และส่งมอบโรงแรมให้บริษัทเข้าดำเนินการปรับปรุงเพื่อเปิดใช้โรงแรมชื่อ ฟอรัลหน้าทอน แกรนด์ซีวิวสมุย และเป็นไปตามที่นายเฉา เพิงเลี่ยง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทหลิวเย่ว ได้จัดแถลงข่าวเพื่อเปิดตลาดการท่องเที่ยวในประเทศไทย ของบริษัทหลิวเย่ว เมื่อ เม.ย.62 โดยระบุว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจโรงแรมที่พักในประเทศไทยเปิดตัวโรงแรมในชื่อฟอรัล (Florl) ในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และสมุย” น.ส.จารุวรรณ กล่าว

น.ส.จารุวรรณ กล่าวด้วยว่า หลังส่งมอบโรงแรมให้กับ บริษัทหลิวเย่ว แล้วช่วงแรกบริษัทเข้าทำการปรับปรุง มีการทุบตัวอาคารบางส่วน รวมถึงขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากโรงแรมและเริ่มมีการก่อสร้าง จนกระทั้งเวลาล่วงเลยมานานกว่า 7 เดือน เราจึงได้เข้าตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้าง แต่กลับพบว่าการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ และไม่ยอมต่อสัญญาเช่าอาคาร โดยอ้างเหตุผลการก่อสร้างที่ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากต้องรออุปกรณ์ตกแต่งที่นำเข้าจากประเทศจีน จนกระทั่งเดือนสิงหาคม ปี 2562 เราได้เข้าตรวจสอบการก่อสร้างอีกครั้งและทักท้วงการต่อสัญญา แต่ปรากฏว่า โรงแรมถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีการก่อสร้าง ไม่มีคนงานรวมถึงอุปรณ์ข้าวของเครื่องใช้ของโรงแรมสูญหายทั้งหมด จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.สมุย ขณะเดียวกันได้ดำเนินการฟ้องร้องความผิดละเมิดสัญญากับผู้เกี่ยวข้อง คือ บริษัทฟลอรัลอินน์เชียงใหม่ ปิง ริเวอร์โอเต็ล จำกัด บริษัทร่วมทุนของของบริษัทหลิวเย่ว ซึ่งศาลแพ่ง ได้พิพากษาให้บริษัทดังกล่าวชดเชยค่าเสียหายให้กับบริษัทเวเฟอริทสมุย จำกัด 65 ล้านบาท พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีอาญา นายหู เจี่ยจง และนายเฉา เพิงเลียง ตัวแทนของบริษัทหลิวเย่ว และ ฟลอรัล อินน์ เชียงใหม่ฯ ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในการปรับปรุงโรงแรมในข้อหายักยอก ซึ่งศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไว้แล้ว แต่ทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย หนีกลับประเทศจีนไปแล้ว

“ตอนนี้บริษัทเราได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก การกระทำของบริษัทหลิวเย่วและบริษัทในเครือได้สร้างความเสียหายให้กับเราเป็นอย่างมาก แม้ว่าศาลจะตัดสินให้เราชนะคดีและต้องได้รับการชดใช้ แต่เราก็ยังไม่สามารถรับการเยียวยาตามคำสั่งศาลได้ ส่วนกรณีความผิดในคดีอาญา หลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหาก็หลบหนีกลับไปประเทศจีน เราจึงอยากขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี เพราะลำพังพวกเราคงหมดปัญญาในการติดตามตัวและในอนาคต หากเราไม่ได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ความเสียหายจากการละเมิดสัญญาเกี่ยวกับการปรับปรุงโรงแรมจะยิ่งเพิ่มความเสียหายอีก ตนจึงอยากร้องขอให้ผู้มีอำนาจช่วยเหลือติดตามผู้ต้องหาให้เราด้วย” น.ส.จารุวรรณกล่าว

ด้านนายณัฐนวรรธ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่ากระทบทั้งในส่วนผู้ประกอบการชาวไทยและชาวจีน รวมถึงภาพรวมของการท่องเที่ยว ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่ากรณีการฉ้อโกงที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้วยเหรือไม่ ซึ่งตนจะนำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าที่ประชุมกรรมการสมาคมฯ เพื่อหาทางช่วยเหลือด้วยการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในขั้นต้นจะประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือในการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ มาดำเนินคดีและรับผิดชอบทางแพ่งต่อไป