จากกรณีดราม่าอือฉาวกรณี “พิมรี่พาย” หรือ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ แม่ค้าออนไลน์ เน็ตไอดอลชื่อดังไลฟ์สดขายบัตรเข้าชมเกมแดงเดือดระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันที่ 12 ก.ค. ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน กลายเป็นประเด็นร้อนไปถึง บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ในฐานะผู้จัด เนื่องจากการจำหน่ายบัตรของ “พิมรี่พาย” มีราคาถูกกว่า บริษัท เฟรชแอร์ฯ ซึ่งเป็นผู้กำหนดขายบัตรถึงใบละ 5,000 บาท และมีการโฆษณาว่า เมื่อซื้อกับ “พิมรี่พาย” จะได้ลุ้นรับประทานอาหารกับ นักเตะ แจ็คสัน หวัง ซึ่งทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับออกแถลงการปฏิเสธ ว่าบัตรดังกล่าวไม่ได้มีการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับนักฟุตบอลแต่อย่างใด ทำให้เกิดประเด็นว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 416 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ได้นำปัญหานี้เข้ามาตรวจสอบโดยได้เชิญ ทางบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด และ สำนักงานคุ้มครอบผู้บริโภค เข้ามาชี้แจง ทั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนกรณีดังกล่าว โดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ส่ง นายเลิศศักดิ์ รักธรรม นิติกรชำนาญการพิเศษ และ นางมาริสา นาครักสุด นักสืบสวนสอบสวน ชำนาญการพิเศษ และนายกิตติพงษ์ คงวีสินธุ์ นักสืบสวนสอบสวนปฏิบัติการ ขณะที่ ทางบริษัทเฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ซึ่งมี นายวินิจ เลิศรัตนชัย เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ได้ส่งหนังสือ ลงวันที่ 6 ก.ค.ถึง สำนักงานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ว่าไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้

การประชุมจึงมีเพียง ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการซักถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทราบว่า ขณะนี้ ทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ได้เรียก ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว มาสอบสวนในวันที่ 18-20 ก.ค. โดยในวันที่ 18 ก.ค. จะสอบบริษัทเฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด วันที่ 19 ก.ค.2565 สอบสวน ไทยทิคเก็ตเมเจอร์และวันที่ 20 ก.ค.2565 จะสอบ “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ ในกรณีดังกล่าว

เนื่องจากพฤติกรรมอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ตาม มาตรา 47 ซึ่งวางหลักไว้ว่า ผู้ใดเจตนา ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในแหล่งกำเนิด สภาพ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งกรณีนี้ ทาง สคบ.จะทำการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 26 ก.ค. และจะรายงานต่อไป

ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบในภาพรวมโดยเฉพาะเรื่องของผู้บริโภคที่ต้องได้รับความเป็นธรรม ขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมาการคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินการสอบสวนตามคำแนะนำของ กมธ.กีฬาฯ ที่ให้ความเห็นในเรื่องของการใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ และให้รายงานผลเป็นเอกสาร หากพบว่ามีความผิด สคบ. ก็ควรที่จะดำเนินการเพื่อบังคับกฎหมาย เป็นการปกป้องสิทธิของผู้บริโภคต่อไป.