จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าพิสูจน์ทราบและติดตามบังคับใช้กฎหมายกลุ่มคนร้ายในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.รามัน จ.ยะลา ในห้วงวันที่ 5-8 ก.ค.2565 เป็นเหตุให้กลุ่มคนร้ายเสียชีวิต 5 ราย ตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ ระเบิดแสวงเครื่อง และที่พักชั่วคราวได้เป็นจำนวนมากนั้น

ล่าสุดวันที่ 8 ก.ค. พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่า ภายหลังเสร็จสิ้นเดือนรอมฎอนได้พบภาพข่าวความเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงทั้งการลอบยิง ลอบวางระเบิดที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินรวมทั้งสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่องหลายเหตุการณ์

จากสภาพดังกล่าว พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผอ.รมน.ภาค 4 จึงได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเข้าติดตามบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนร้ายเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฏหมาย ทั้งนี้ได้เน้นย้ำการปฏิบัติในทุกขั้นตอนด้วยความอดทนอดกลั้น ระมัดระวังภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำ 4 เสาหลักในพื้นที่ โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ด้วยการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียกับทุกฝ่าย แต่กลุ่มคนร้ายไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวจนนำไปสู่การสูญเสียดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. วันที่ 5 ก.ค. ฉก.ทพ.43 สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าที่เข้ามาเคลื่อนไหวและหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่ ต.คลองมะนิง อ.เมือง จ.ปัตตานี ในระหว่างการเจรจาเกลี้ยกล่อม คนร้ายได้ใช้อาวุธยิงใส่เพื่อเปิดทางหนี จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายมะยากี มะลาซิง อายุ 30 ปี มีหมายจับ ป.วิอาญา 5 หมาย เกี่ยวข้องคดีสำคัญ จากเหตุปะทะพื้นที่ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เมื่อปี 2564 และเหตุระเบิดพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2562 นอกจากนี้ยังตรวจยึดอาวุธปืนพก 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนและระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ได้ 2 ลูก
  2. วันที่ 6 ก.ค. ฉก.ทพ.46 ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบแหล่งหลบซ่อนพักพิงบนภูเขาในพื้นที่บ้านสาวอ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้ตรวจพบที่พักชั่วคราวหลายหลัง ขณะเข้าทำการตรวจสอบ ได้ถูกกลุ่มคนร้ายยิงใส่จนนำไปสู่การปะทะกันหลายระลอกจนพลบค่ำ จึงได้วางกำลังควบคุมพื้นที่และตั้งจุดสกัดในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ไม่ทราบความสูญเสียของกลุ่มคนร้าย

และต่อมาเมื่อ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบคนร้ายเสียชีวิต 2 ราย ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 6 กระบอก ตรวจพบระเบิดแสวงเครื่องพร้อมใช้งาน 5 ลูก พี่พักชั่วคราว 10 หลัง และอุปกรณ์ยังชีพอีกหลายรายการ

จากการตรวจสอบประวัติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พบมีหมายจับ ป.วิอาญา รวมกัน 5 หมาย เคยก่อเหตุสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก สำหรับอาวุธปืนของกลางตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่คนร้ายปล้นแย่งชิงจากเจ้าหน้าที่รัฐและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ปัจจุบัน ศพฐ.10 อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ

ภายหลังเหตุการณ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการเข้าตรวจชันสูตรศพและเก็บรวบรวมวัตถุพยานและสารพันธุกรรมเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ความเชื่อมโยงทางคดีและขยายผลกับกลุ่มคนร้ายที่เหลือต่อไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ให้ความสำคัญและเข้าใจในการตรวจชันสูตรศพและสามารถส่งศพผู้เสียชีวิตให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามเรียบร้อยแล้ว

  1. วันที่ 8 ก.ค. ฉก.ทพ.41 ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามบังคับใช้กฎหมายพร้อมกันหลายจุดในพื้นที่ อ.รามัน ขณะเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายบ้านไม้แก่น ต.เนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่หลบซ่อนในบ้านได้ใช้อาวุธยิงใส่จนนำไปสู่การปะทะ จากการตรวจสอบพบคนร้ายเสียชีวิต 2 ราย ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 3 กระบอก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ วางกำลังสกัดกั้นเส้นทางหลบหนี เก็บรวบรวมวัตถุพยานและสารพันธุกรรมรวมทั้งการตรวจชันสูตรอัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิต เพื่อส่งให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้เจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความอดทน อดกลั้น ด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่กลุ่มคนร้ายกลับเลือกใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว ในนามของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวไว้ ณ โอกาสนี้

อย่างไรก็ตาม กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังคงยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเห็นต่างจากรัฐเข้ารายงานตัวแสดงตนและพร้อมช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม รวมทั้งยังคงเดินหน้าสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลและหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่ จชต.ต่อไป